เรียนครูองุ่น มาลิก ที่เคารพ
ครั้นเมื่อเจตนารมณ์ของครูองุ่น มาลิก พัดปลิวไปไกลถึงสมุทรสงคราม ..
หมุดหมายของการใช้ชีวิตของพวกเราจึงไม่จำกัดอยู่แค่เพียงกิน อยู่และหลับนอน ใต้ต้นไม้ใหญ่ไกลเมือง
ในฐานะคณะผู้จัดทำชีวิตให้สัมพันธ์กับธรรมชาติและศิลปะ นามหนู โจ อาร์ตแอนด์ฟาร์ม เราไม่เคยเดียวดาย
วันหนึ่งขณะเร่ขายของเพื่อทดลองใช้ชีวิตหากินชั่วคราวข้างถนน ท่ามกลางแดดร้อนและเพื่อนพ้อง
พลันความคิดเรื่องการเร่เข้าเมืองหลวงก็ทรงอิทธิพลจนทุกคนอดใจไม่ไหว
รายชื่อถนนในเมืองถูกนำเสนอไม่ขาดสาย ..ไม่มีที่ทางใดสะดุดใจเท่ากับ “สวนครูองุ่น”
กลางทุ่งคอนกรีตแห่งเมืองทองหล่อ .. พื้นที่ทุกตารางนิ้วแพงระยับ..เรารู้ดี
ข้าวของทำมือ งานศิลปะ ผ้าผ่อนหม่อนไหม ผู้คน พ่อค้าแม่ขาย
ปรากฏกายบนพื้นที่สีเขียวในภาพฝันตอนกลางวันแดดจ้า
หากทุกอย่างเป็นความจริง..ชีวิตคงไม่สำคัญไว้เพียงแค่ข้างทางอย่างใจคิด
ไม่นานเกินรอ .. เมื่อมูลนิธิกระจกเงา ในฐานะผู้รับดูแลสวนครูองุ่นตอบรับคณะรักเร่หนูโจ อย่างเป็นทางการ
การประกาศเจตนารมณ์หาเพื่อนร่วมทางจึงเกิดขึ้น..
เพียงชั่วข้ามคืนห้างร้าน แลผู้คนอันมีใจปรารถนาในสิ่งเดียวกัน
ส่งจดหมายสมัครออนไลน์แบบล้นหลาม มากกว่าครั้งไหนๆเป็นประวัติการณ์
เพราะกติกาการใช้ชีวิตสัมพันธ์ไม่ได้มีรูปแบบเพียงการขายเพื่อที่จะขาย..
แต่แฝงกุศโลบายเพื่อให้ทุกคนเคารพ เรียนรู้ และแบ่งปันลมหายใจให้กับทุกสรรพสิ่ง
และ “สวนครูองุ่น” ทำหน้าที่รองรับทุกจังหวะของลมหายใจอันหลากหลายได้อย่างกลมกลืน
โดยมีทุกคนเป็นผู้บรรเลง
ถึงแม้ว่าฝนฟ้าจะไม่เป็นใจตอนเที่ยงวัน สิบนาทีที่ทุกคนยืนหลบฝนในร่มคันเดียวกัน..
มันลดทอนความละโมบโลภมาก และการคิดถึงเป้าหมายอันเรียกว่ากำไร ขาดทุน
เราทุกคนเชื่อว่า..ครูองุ่นใช้ธรรมชาติวัดใจเราและสอนให้เว้นว่างจากการค้าขายเพื่อเรียนรู้โลกของเพื่อนที่เปิดร้านอยู่เคียงข้าง
และเราตระหนักร่วมกันแล้วว่าบนพื้นที่ 250 ตารางวา บรรจุสังคมอุดมคติที่ครูพยายามสร้างไว้ และพิสูจน์ให้เราทุกคนเห็นว่า “การให้” โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้นเป็นเรื่องจริง
ร้านรวงกว่าเจ็ดสิบร้าน เปิดตลาดกันแต่เช้าตรู่ เริ่มต้นบทเพลงแห่งชีวิตสัมพันธ์ด้วยรอยยิ้ม
และจบบทเพลงด้วยประโยคสุดท้าย.. “ต้นไม้งาม คนงดงาม งามน้ำใจ ไหลเป็นสายธาร ชุบชีวิต ทุกฝ่ายเบิกบานมีคน มีต้นไม้ มีสัตว์ป่า” พลันกระรอกตัวน้อย ตัวแทนสัตว์ป่าคอนกรีตกระโดดจากกิ่งไม้ไปยังหลังคาเวทีเหมือนนัดหมายกันไว้
เย็นมากแล้วแต่เสียงเพลงแห่งชีวิตยังดำเนินต่อไปตามท่วงทำนองเพลงกลองยาว นำทีมร่ายรำโดยคณะรักเร่
ชักชวนเพื่อนพี่น้องร่วมปิดตลาดท่ามกลางเสียงหัวเราะ ชื่นมื่น ..
สุดท้ายนี้..ในความบังเอิญที่ลงตัว ไม่ว่าจะคน หรือผลผลิตจากท้องถิ่นต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ ของร้านค้าต่างๆ ที่เดินทางเข้าไปยังใจกลางเมืองใหญ่ เราสัมพันธ์กันและกันอย่างไม่อาจแยกขาด ปรากฏการณ์ ตลาดนัดอาร์ตแอนด์ฟาร์ม ครั้งที่ 4 ช่วยตอกย้ำปณิธานที่เขียนไว้ตรงประตูโรงนาหลังคาสีแดง ณ บ้านของเรา ณ จังหวัดสมุทรสงครามที่ว่า
“บนเส้นทางที่ก้าวย่าง หากพบสิ่งดีเราจะคิดถึงกัน”
ใช่!! แน่นอน ..เราจะคิดถึงกัน
ด้วยจิตคารวะ
คณะรักเร่ หนู โจ อาร์ต แอนด์ ฟาร์ม ณ ตลาดนัดอาร์ตแอนด์ฟาร์ม ครั้งที่ 4 ณ สวนครูองุ่น
วันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561