เกี่ยวกับกระจกเงา
มูลนิธิกระจกเงา คือ องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสังคม หลายๆด้าน ได้แก่ งานด้านสิทธิมนุษยชน งานด้านสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ งานพัฒนาอาสาสมัครและการแบ่งปันทรัพยากร เพื่อเพิ่มศักยภาพใน การเรียนรู้และการใช้ชีวิต โดยมีพื้นที่ปฏิบัติงานทั้งบนสังคมออนไลน์ (internet) สังคมเมืองและสังคมชนบท โดยทำหน้าที่เป็นกระจกเงา ที่สะท้อนเรื่องราว ความเป็นจริงของสังคมและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผล กระทบจาก การเปลี่ยนแปลงของสังคม ด้วยวิธีคิด คือ การสร้างคนและสร้างนวัตกรรม สร้างความมเปลี่ยนแปลงแก่สังคม ดังวิสัยทัศน์ขององค์กร คือ " สร้างคน " เราจึงสร้างนักกิจกรรมด้วยกระบวนการ อาสาสมัคร เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมต่อกิจกรรมทางสังคม เนื่องจาก ปัญหาสังคมในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมี ปริมาณมากมายเกินกว่าคนเล็ก ๆ เพียงไม่กี่คนจะแบกรับไว้ได้ และปัญหาสังคมไม่มีทางหมดไป หากผู้คนส่วนใหญ่ไม่ร่วมกันรับรู้และแก้ไข การสร้าง คนจึงเป็นต้นทางของการ แก้ปัญหาสังคม
" สร้างนวัตกรรม "
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่การเส้นทางใหม่ของสังคม เราจึงสร้างนวัตกรรม เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาสังคมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมที่สอดคล้อง
ไปกับปรากฏการณ์ทางสังคมในปัจจุบัน
" แล้วจะสร้างการเปลี่ยนแปลง "
เมื่อได้สร้างนักกิจกรรม นวัตกรรมทางสังคมขึ้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงสังคมซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการทำงาน
ก็จะเริ่มขึ้น นักกิจกรรมที่ได้รับการปรับจูนความคิดที่มุ่งมั่นในการแกปัญหาสังคมร่วมกัน ก็จะเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรมที่หมุนวงล้อของสังคมสู่การ พัฒนาต่อไป
เรา จึงให้ความสำคัญกับการรณรงค์และลงมือ จัดการปัญหาต่างๆ
ซึ่งแต่ละปรากฏการณ์ที่เกิดปัญหาย่อมส่งผลกระทบของต่อเนื่องกัน
เราจึงมองปัญหาแบบองค์รวม เพื่อที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆไปควบคู่กัน
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือของการเข้าถึงและเผยแพร่แนวคิดในการ
ดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาสังคม
ปัจจุบันเรามีพื้นที่ปฏิบัติงาน คือ มูลนิธิกระจกเงาสำนักงานเชียงรายและสำนักงานกรุงเทพ
ซึ่ง มีก้าวย่างที่เติบโตแต่ละขั้นจวบจนถึงวันนี้ที่เริ่มจาก
" เริ่มต้นจาก คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งจำนวน 5 คน ในปลายปี 2534 "
ซึ่งประกอบด้วยนักกิจกรรมในรั้วและ นอกรั้วมหาวิทยาลัย ได้รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่อเนื่องจากกิจกรรมทางการเมืองหลังช่วงการทำรัฐ ประหารของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช) โดยในขณะนั้นใช้ชื่อกลุ่มว่า "กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา และได้ขอเข้าอยู่เป็นโครงการภายใต้มูลนิธิโกมลคีมทอง" ในปี 2535 " กิจกรรมในช่วงเริ่มต้น (2534-2540) "
จะเป็นกิจกรรมด้านการละครเพื่อ สังคมและการจัดกิจกรรม ค่ายเด็กและเยาวชน โดยดำเนินกิจกรรมไปตามโรงเรียน ชุมชน ทั่วประเทศในแต่ละปีจะมีการแสดง
ระหว่าง 100-150 รอบ และกิจกรรมค่าย 10-30 กิจกรรม
" แนวคิดในการใช้ไอซี ทีเพื่อการพัฒนา (2538) "
ใน ช่วงนั้น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือPC และModem ได้เริ่มแพร่หลายในหมู่ ประชาชน ทำให้ระบบข้อมูลและการสื่อสารเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ช่วงเวลาดังกล่าวทางกลุ่มฯ ได้ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนหนึ่ง ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากเทคโนโลยี IT ในสังคมไทย และนี่คือช่วงเวลาสำคัญ ที่ทำให้เราได้เริ่มต้นศึกษาและพัฒนางานด้าน ICT โดยเป็น องค์กรพัฒนาเอกชนไทย รายแรกที่ได้จัดทำเวบไซท์ขึ้น ในชื่อwww.thebangkok.com และ ได้พยายามส่งเสริม การใช้ ICTใน งานพัฒนาสังคม
" เคลื่อนย้ายสู่เชียงราย (2541) "
ทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร จำนวน11 คน จาก 20 คน ได้ตัดสินใจเปลี่ยนวิถีการทำงาน โดยได้ทำการปิดสำนักงานที่กรุงเทพ และเคลื่อนย้ายองค์กรลงในพื้นที่เชียงราย โดยเลือกพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เป็น "ห้องปฏิบัติการทางสังคม" จนก่อให้เกิดโครงการนวตกรรมทางสังคมจำนวนมาก
อาทิเช่น
- ศูนย์เด็กรู้เอง - โครงการค่ายบำบัดยาเสพติดในชุมชน - โครงการเด็กดอยสัญชาติไทย - โครงการร้านค้า Online - โครงการสถานีโทรทัศน์หมู่บ้าน หรือ บ้านนอกทีวี - โครงการท่อง เที่ยวชนเผ่า - โครงการพิพิธภัณฑ์ ชนเผ่า - โครงการครูบ้านนอก - โครงการนักศึกษาบ้าฝึกงาน โดย ได้เปลี่ยนชื่อเวบ ไซด์จากwww.thebangkok.com เป็น www.bannok.com (บ้านนอก.คอม) " เปิดสำนักงานที่ กทม อีกครั้ง (2546) "
ภายหลังการทำงานในห้องปฏิบัติการทาง สังคมที่ จังหวัด
เชียงราย เราเข้าใจถึงการเชื่อมโยงระหว่างปัญหาเมืองกับ
ชนบท และ ความสำคัญของการขับเคลือนในเชิงนโยบายที่
ความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี พื้นที่การผลักดันอยู่ใน ส่วนกลาง รวมถึง การขยายความคิดการทำงานของกลุ่มฯ จากพื้นที่เล็ก ๆ ในตำบลแม่ยาว ให้กระจกเงาการทำงานออก สู่ภายนอกพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะงานส่งเสริมอาสาสมัคร โดยโครงการในช่วงแรก ได้แก่
•โครงการส่งเสริมไอซีทีเพื่อการพัฒนา
•โครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย
•โครงการ TV4KIDS
ซึ่งปัจจุบัน โครงการในสำนักงานกรุงเทพได้ ขยายเป็นหลายแขนง ประกอบด้วย โครงการใหม่ๆ ได้แก่
- โครงการ อ่านสร้างชาติ - โครงการ กองทุนเสื้อผ้าเพื่อการแบ่งปัน - โครงการ ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ - โครงการ จัดการภัยพิบัติภาคประชาชน - โครงการ โรงพยาบาลมีสุข - โครงการ ไอซีทีเพื่อการพัฒนา - โครงการ NGOs FILM - โครงการ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการ ค้ามนุษย์ - โครงการ IT WATCH - โครงการ ศึกษาปัญหาโรคสมองเสื่อมใน ประเทศไทย - โครงการ รณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน - โครงการ คอมพิวเตอร์เพื่อน้อง
นอกจากสำนักงานกรุงเทพและเชียงราย ที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันแล้ว มูลนิธิกระจกเงายังมีการดำเนินงาน
ที่ได้เสร็จสิ้นภารกิจในการฟื้นฟูและพัฒนา ลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งภาพกิจกรรมและความทรงจำดีๆทั้งหมด
ยังคงไม่เจือจาง ทั้งสามศูนย์ ในสามพื้นที่ ที่อยู่ในความทรงจำของเรา ประกอบด้วย
|
ศูนย์กระจกเงาที่ปิดตัวแล้วเนื่องจากภาระกิจฟื้นฟูหลังมีเหตุการณ์ภัยพิบัติเสร็จสิ้นแล้ว
ศูนย์อาสาสาสมัครสึนามิ
(เริ่มดำเนินงานปี2547 - เสร็จสิ้นในปี 2550) หลังจากที่คลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่ม
พื้นที่ชายฝั่งอันดามันในวันที่26 ธค 47 สมาชิกของมูลนิธิกระจกเงาและอาสาสมัครจำนวน
23 คน ได้เดินทางไปช่วยปฏิบัติการในพื้นที่ จ.พังงา โดยเริ่มแรกตั้งใจที่จะลงไปเป็นอาสาสมัครระยะสั้นประมาณ1
สัปดาห์ แต่เมื่อพบว่าสถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงกว่าที่คิดและต้องใช้ระยะในการฟื้นฟู
เป็นเวลานาน จึงได้จัดตั้งศูนย์อาสาสมัครสึนามิ เพื่อทำการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว
โดยในช่วง 3 ปีแรก ได้มีอาสาสมัครทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมกว่า5
พัน คน ซึ่งปัจจุบันศูนย์อาสาสมัครสึนามิยังคงดำเนินโครงการอยู่ในพื้นที่เขาหลัก
http://www.tsunamivolunteer.net
ศูนย์อาสาสมัครลับแล
(เริ่มดำเนินงานปี 2549 -เสร็จสิ้นในปี 2550) จากเหตุการณ์ น้ำท่วมโคลนถล่ม ในเขตภาคเหนือตอนบน เมื่อวันที่ 22-23พฤษภาคม 49 ทำให้มี ผุ้เสียชีวิต บาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้าน อย่างกว้าง ขวาง เหตุภัยพิบัติครั้งนั้นถือว่าเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ถัดจาก เหตุการณ์สึนามิ ทางมูลนิธิกระจกเงา ได้รวบรวมอาสาสมัครและ เจ้าหน้าที่ สำนักงานกรุงเทพ เชียงราย และพังงา ที่มีประสบการณ์อาสาสมัครและจัดการ ภัยพิบัติเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ โดยภาระกิจหลักคือ การขุดโคลนและเคลื่อนย้ายซากต้นไม้ที่ถมบ้านชาวบ้านออกมา รวมถึงการทำกิจกรรมเด็กในบ้านพักชั่วคราวของผู้ประสบภัย และได้ปิดศูนย์อาสาสมัครลับแล เมือดำเนินการช่วยเหลือได้ 9 เดือน มีอาสาสมัครกว่า 2 พันคน ที่ร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ กระทั่งดำเนินงานด้านการฟื้นฟู จิตใจและพัฒนาเยาวชนจนเสร็จสิ้นในปี2550 ที่ผ่านมา
ศูนย์ระนอง
(เริ่มขึ้นในปี2549-เสร็จสิ้นในปี 2550) "เป็นศูนย์ที่ก่อตั้งสืบเนื่องจากเหตุ การณ์สึนามิที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลาย ชีวิตได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มคนไร้สัญชาติ จากการลงปฏิบติงานในพื้นที่ประสบภัยของมูลนิธิกระจกเงา ทำไให้เราได้พบกับปัญหาที่สำคัญ ในพื้นที่ แถบฝั่งทะเลอันดามัน แม้ว่าจากการปฏิบัติงานพบกว่ามีหลายหน่วยงานทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือในหลายรูปแบบ แต่ปัญหา การไม่ได้รับสัญชาติ" ยังคงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือโดย "โครงการให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิ และสถานภาพบุคคลของชนกลุ่มน้องผู้ประสบภัยสึนามิ" จึงเกิดขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดความเข้าใจในเรื่อง"ไร้สัญชาติ" ให้กับสังคม พร้อมการทำงานบนความร่วมมือของภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน นโยบายภาครัฐ และภาคท้องถิ่น ให้เข้ามาดูแลเรื่อง "สัญชาติ" อย่างจริงจัง เพื่อให้บุคคล 6จังหวัดภาคใต้ได้รับสัญชาติอย่างถูกต้อง