ความรู้สึกของคนที่รอให้การตามหาสิ้นสุดลง

“ตื่นเช้ามาได้ยินข่าวในทีวี เจอโครงกระดูกคนชื่อ นิว ที่ระยอง ย่ารีบลุกขึ้นมาดู ศพใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น ใส่นาฬิกา ใส่หมวก เหมือนหลานเราเลย ห้วงเวลาหายมันก็ช่วงเดียวกัน ย่าเลยตะโกนบอกปู่ว่า ไอ้นิวเราแน่เลย รีบโทรไปบอกลูกชายให้ดูข่าว”
.
“ตกลงกันว่าต้องไปดู ต้องใช่นิวแน่ๆ เลย ข้อมูลมันคล้ายกันมาก นั่งร้องไห้กันตลอดทางกับแม่เขา คุยกันว่ามันฆ่าหลานโหดร้ายเหลือเกินนะ ใจก็คิดว่านิวไปตายที่นั่นได้ยังไง คิดทำใจ ตายก็คือตาย เราต้องรับให้ได้ นิวตายจริงๆ หรือ ทำไมไม่กลับมาหาย่า ถ้ามันไม่ตาย มันต้องกลับมาหาเราแล้ว ก็คิดว่าเป็นนิว หลานย่าจริงๆ ที่ตาย”
.
“เขาก็เก็บดีเอ็นเอ พ่อแม่มันไปตรวจ แต่ข้อมูลที่โรงพัก มันเริ่มคลี่คลายตั้งแต่วันนั้น ว่าน่าจะเป็นคนละนิวกัน”
.
“พอผลสืบสวน ผลดีเอ็นเอ ออกมาชัดเจนว่าศพนิรนามนั้นไม่ใช่นิว ย่าก็ดีใจที่เขาไม่ตายแบบทรมาน แต่ย่าเองที่ยังทุกข์ทรมานใจอยู่ ถ้านิวไม่ตายแล้วนิวอยู่ที่ไหน มองจากหน้าบ้านเห็นภูเขาลพบุรี ย่าวิ่งมาตะโกนเรียก “ไอ้นิว อยู่ที่ไหนลูกกลับบ้านมาหาย่าซะที ได้ยินเสียงย่าบ้างมั้ย” คนแถวบ้านก็ถามว่า แล้วมันอยู่ไหนล่ะ ย่าก็บอกว่าเรียกมันกลับบ้าน ให้มันโล่ง มันได้ระบายออกจากตัวเราบ้าง”
.
“พอพึ่งทางไหนไม่ได้แล้ว ย่าวนเวียนมานั่งเขียนบันทึก ระบายเป็นตัวหนังสือออกมา เขียนไปเรื่อยๆ ระบายความรู้สึกออกมา เขียนไปน้ำตาไหลไป ที่ระบายได้ก็คือน้ำตา เป็นเพราะย่าอุตส่าห์บนให้เขาเป็นไปทหาร ทำให้เขาไปตายที่ไหนไม่รู้ อยากให้เขามีวินัย ได้เป็นคนขึ้นมา แต่กลับกลายเป็นความทุกข์ไปตลอดชีวิตย่า”

———————————————————————
นางพรทิพย์ เบญจวรณ์ อายุ 62 ปี (ย่า)
พลทหารพนา หรือนิว เบ็ญจวรณ์ อายุ 21 ปี (คนหาย)
———————————————————————

สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6

Share Button