ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นคนไร้บ้าน

“ที่เลือกมานอนแถวราชดำเนิน เพราะเราเกิดกรุงเทพ ตอนที่พ่อยังไม่เสียก็พามาเที่ยว มาดูไฟ ดูวัด ดูวัง ตอนนั้นก็เห็นคนเขานอนข้างถนนกัน จนโตวัยทำงาน เวลาหลังเลิกงาน หรือ Holiday เราจะชอบทำอาหารมาแจกคนที่นอนที่นี่ สงสารการกินอยู่ของเขา แต่พอเราต้องมาอยู่จุดนี้นึกไปถึงวันนั้น ก็แบบเราเคยเป็นผู้ให้มาก่อนวันนึงเราจะต้องมาเป็นผู้รับเหรอเนี่ย แต่ถ้ามองบวกหน่อยมันก็ทำให้เรารู้จุดที่ว่าเราจะไปทิศทางไหน เรานั่งเรานอนแบบนี้ได้อยู่นะ คนอื่นเขายังพอนอนได้เลย อย่างน้อยเราก็ไม่อดตายหรอก”
.
“จุดเปลี่ยนของชีวิตคือตอนที่แฟนบอกเลิกแบบไม่รู้ตัว คือไม่มีวี่แววเลยที่เขาจะเลิก อยู่ๆ ก็บอกว่าครอบครัวเขารับไม่ได้ พอเลิกกันเราก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียวมาเช่าห้องอยู่ ตอนออกมาก็ขอเงินเขาแสนนึง เพราะเราไม่เหลือทรัพย์สินอะไรเลย เราเป็นคนทุ่มเทกับความรักมาก เพราะครอบครัวที่ผ่านมาของเรามันไม่ใช่เซฟโซนสำหรับเรา เราทำงานหาเงินมาได้สร้างทรัพย์สินมาเท่าไหร่ก็ยกให้เป็นชื่อของแฟนหมด เพราะเราอยากให้เขารู้ว่าเราก็สามารถเป็นผู้นำได้”
.
“พอมาเช่าห้องอยู่คนเดียว เราก็อยู่แบบนั้นเฉยๆ ไม่ทำงาน 2 ปี เพราะรู้สึกตัวเองไม่ปกติ เหมือนมีอะไรมาฟาดจนเป็นก้อนความรู้สึกชาๆหนักๆ แบบใจเรามันไปแล้ว เคยคิดสั้นอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำ ตั้งใจเลยนะถ้าใช้เงินเก็บจนมันเป็นศูนย์เราทำแน่ๆ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบประชดชีวิตอยู่ในห้องอย่างเดียว ไม่พูดคุยกับใคร จนมาถึงวันที่เงินหมด เลยตัดสินใจจบชีวิตวันนั้น แต่ก็ทำไม่ได้อีกนั่นแหละ”
.
“หลังจากวันนั้นก็ออกจากห้องเช่ามาแบบแบลงค์
ๆ เพราะมันไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเขาแล้ว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกมาไร้บ้านตั้งแต่ตอนนั้น อยู่ไปสักพักจึงคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่ จนสุดท้ายเราก็ฮึดขึ้นมา กลับมาทำงานอีกครั้ง ไปสมัครงานเป็นรปภ. เพราะมันไม่ต้องใช้อะไรเลยมันเริ่มจากศูนย์ก็ได้ รปภ.เป็นงานสุดท้ายก่อนมาเจอกับจ้างวานข้า”
.
“ไร้บ้านช่วงแรกๆ เราก็นั่งอยู่ในจุดที่ไม่ค่อยมีคน ยังไม่ค่อยกล้าไปพูดคุยกับใคร สภาพเราก็เหมือนไม่ได้เร่ร่อน คนทั่วไปก็คงมองว่าเป็นคนมารอรถเมล์อะไรแบบนี้หรือเปล่า และเราก็ไม่รู้ต้องสื่อสารกับคนไร้บ้านยังไง ยังปรับตัวไม่ได้ แต่ก็โชคดีนะ พอไปนั่งก็มีลุงคนไร้บ้านมาพูดมาคุยดูเป็นมิตรดี คือจริงๆ แล้วคนไร้บ้านเขาเป็นคนจิตใจดีนะ ยิ่งพอเขาเห็นเราดูหน้าใหม่ หน้าไม่คุ้น เขาจะคอยมาถามสารทุกข์สุขดิบกับเรา”
.
“ที่เราอยู่รอดจากสภาวะไร้บ้านมาจนถึงตอนนี้ได้นี่
ก็มาจากคำแนะนำของพวกเขานี่แหละ เริ่มตั้งแต่ควรไปอาบน้ำยังไง ไปอาบน้ำที่ไหน คือเขาก็มองเราเป็นผู้หญิงคนนึงก็เป็นห่วงเรา แบบไปนอนตรงนี้แถวนี้นะเดี๋ยวลุงช่วยดูให้ กระเป๋าต้องนอนกอดไว้ตลอดนะ ควรไปนอนตรงหอศิลป์ดีกว่าตรงนั้นสว่าง ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ปลอดคน แต่สุดท้ายเขาก็ย้ำกับเราเสมอนะ ว่าระวังยังไงมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ให้ระวังพวกติดเหล้าเมายาไว้ เพราะมีเวลาหื่นหนักๆ มันก็ไม่เลือกหน้า เขาก็แนะนำอยากให้เราไปหางานตามปั๊มน้ำมันให้มีที่พักอะไรแบบนี้จะดีกว่าปลอดภัยกว่า”
.
“ถึงแม้เราจะเป็นอย่างนี้ (เป็นทอม) เขาก็มองออกกันนะว่าเป็นผู้หญิง อย่างตอนที่อยู่มา 2-3 วันแล้ว จะมีคนเข้ามาคุยเรื่องทั่วไปก่อน และจากนั้นก็เหมือนชวนไปทำอะไรอย่างนั้น คือมันก็มีคนหลายประเภทเนอะ ตรงนั้นทั้งกินเหล้า ไม่ใช่มีแต่คนไร้บ้านอย่างเดียว พอมาคุยลักษณะนี้เราก็รู้ความหมายแหละว่าเขาต้องการอะไร อย่างชวนไปบ้านพี่ไหม ไปช่วยลุงเลี้ยงหมาหน่อยนะ พี่ก็พอมีเงินอยู่บ้างพี่เลี้ยงได้นะ สารพัดเลย เราเป็นทอมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องทางเพศอย่างนี้ มันก็เลยรู้สึกกลัวมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจดีสู้เสือบอกเขาตรงๆ ว่า ไม่ชอบผู้ชายนะพี่”
.
“การใช้ชีวิตแบบนี้เราจะอยู่ติดที่ไม่ได้ ต้องเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่นอนตลอดเวลา บางคนเราก็รู้นะว่าเขามองเรามาหลายวันแล้ว คงไม่แน่ใจว่าเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่พอเขารู้ว่าเป็นผู้หญิงเท่านั้นล่ะ เอาล่ะอยู่ไม่ได้แล้วต้องหาที่ใหม่ คือต้องเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้ก็ยังไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องเพศที่สามมากนัก เป็นทอมเขาก็มองเหมือนเป็นผู้หญิงคนนึงนั่นแหละ แต่ด้วยกายภาพมันก็ปกป้องเราได้มากกว่า ด้วยบุคลิกเขาก็จะไม่กล้าเข้ามาสัมผัส มันก็จะกันคนออกไปได้ระดับนึง”
.
“แต่มันก็แล้วแต่สถานการณ์นะ อย่างที่บอกมันก็มีกลุ่มที่กินเหล้า เสพยาจนสติไม่ปกติ พวกนี้จะเอาไม่เลือกหน้า อย่างเราเคยนั่งๆ อยู่เนี่ย ก็มีคนพวกนี้เข้ามาลวนลาม เดินมาดึงเราเข้าไปกอด คือมันไม่ปลอดภัยมากๆ เราเลยต้องเปลี่ยนสถานที่นอนเรื่อยๆ สลับนอนตามป้ายรถเมล์ ไม่มีที่ไหนเป็นที่นอนประจำ นอนตามจุดที่โจ่งแจ้งไปเลย รถเมล์อะไรผ่านก็ช่างมันเดี๋ยวมันก็ชิน เดี๋ยวก็หลับไปเอง”
.
“ครั้งนึงเราเคยเห็นเหตุการณ์น้องใบ้คนหนึ่งที่เขามานอนแบบเราเนี่ยที่โดนกระทำบ่อย ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูเป็นทอมบอยเหมือนกัน แต่เขายังมีสรีระที่ดูเป็นผู้หญิงชัดเจนอยู่ คือจะมีคนมาจับหน้าอกเขา แต่ด้วยความเป็นใบ้พูดอะไรไม่ได้ก็จะมีคนมาทำท่าทางแบบมีเพศสัมพันธ์กับเขาตลอดเวลา ซึ่งเราเห็นเขาพยายามป้องกันตัวเองอย่างมาก คือถ้ามีผู้ชายเข้ามาจะลวนลามเขาจะถีบเลย คือเขาพยายามสู้เต็มที่ไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามาทำอะไรเขาได้”
.
“แต่ที่คิดว่าเราโชคดีอีกอย่างก็คือเราตัดมดลูกมาแล้วเพราะเป็นเนื้องอก ประจำเดือนเลยไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่ผู้หญิงคนอื่นคิดว่าคงเป็นเรื่องลำบากมาก ส่วนเรื่องอาบน้ำนี่ก็เป็นปัญหา ต้องแอบเข้าตามปั๊ม ต้องเข้าสถานที่มิดชิดอย่างเดียว เพราะอาบน้ำนุ่งกระโจมอกแล้วอาบกลางแจ้งเลยไม่ได้ ตามปั๊มไม่มีเป็นห้องอาบน้ำนะ ถ้าอยากได้ห้องแบบนั้นต้องไปวัด เวลาอาบก็เอาน้ำที่เขาราดส้วมนั่นล่ะตักอาบ บางวันตื่นมาแล้วเสื้อผ้าหาย มีชุดเดียวไปอาบน้ำก็ต้องใส่แบบนั้นไปจนมันแห้ง”
.
“สำคัญมากนะสำหรับเรา วันมาเจอทีมงานมูลนิธิกระจกเงา เจอทีมงานจ้างวานข้า เราถือว่าเป็นตัวปิดจบเลยนะ เราถือว่าเร็วมากนะกับการหลุดจากสภาพเร่ร่อนไร้บ้านอะไรแบบนี้ เราอยู่มาได้แค่ 3 อาทิตย์ แล้วก็ได้ทำงานกับจ้างวานข้าเลย แล้วก็มามีห้องเช่าต่อมาเลย ซึ่งถือว่านี่เป็นการตั้งหลักครั้งใหญ่ที่ทำให้เรากลับมาได้เช่าห้องอยู่ได้อีกครั้ง”

——————————————-

แด่วันที่อยู่อาศัยโลก(World Habitat Day) ซึ่งนับจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี
.
คนไร้บ้าน การได้มีงานทำและงานนั้นทำให้มีรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่องและเหมาะสม สิ่งนี้นับเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการตัดสินใจกลับเข้าสู่การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงขึ้น
.
สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB

Share Button