01 ตามติดคดีน้องต่อหาย : เบาะแสที่มี

-กรณีน้องต่อ เด็กหายอายุ 8 เดือน-
.
ทีมงานมูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่ติดตามกรณีน้องต่อ เด็กหายวัย 8 เดือนที่หายตัวไปเมื่อวานนี้ (5 ก.พ. 66) ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ขอรายงานข้อเท็จจริงเบื้องต้นดังนี้
.
1. พื้นที่เกิดเหตุ เป็นซอยห่างจากถนนเส้นหลักประมาณ 200 เมตร มีบ้านคนตลอดซอย ลักษณะเป็นชุมชน ดั้งเดิม บ้านเด็กหายอยู่ติดถนนในซอย
.
2. ซอยบ้านเด็กหาย เป็นลักษณะเชื่อมกับซอยอื่น ไม่ใช่ทางตัน และมีทางเดินเท้าออกไปยังจุดอื่นได้ หลายทาง
.
3. บ้านเด็กหาย เป็นร้านค้าขนาดเล็กในชุมชน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เป็นชาวบ้านในซอย
.
4. บ้านเด็กหาย เป็นลักษณะมีบ้านสองหลังในพื้นที่เดียวกัน บ้านเด็กหายอยู่ด้านหน้าติดถนนเป็นร้านค้า ครอบครัวเด็กหายนอนบริเวณ ด้านหน้าของตัวบ้าน ติดกับจุดขายของ ในลักษณะการกั้นห้องด้วยตู้เก็บของและผ้าม่าน ไม่มีประตูกั้น สามารถมองเห็นที่นอนบางส่วนของครอบครัวได้จากริมถนนหน้าบ้าน ที่นอนห่างจากริมถนนประมาณ 4 เมตร
.
5. คืนก่อนเกิดเหตุ บริเวณที่นอนของเด็กหาย นอนกันทั้งหมด 4 คน คือ พ่อ แม่ เด็กหาย และหลานสาวอายุ 12 ปี
.
6. เวลาประมาณตีห้า แม่เด็กหาย ให้ข้อมูลว่าตื่นมาชงนมใส่ขวด เตรียมให้ลูก เมื่อลูกร้อง จึงเอามุ้งครอบออก และให้ลูกกินนม
.
7. ประมาณหกโมงเช้า มีลูกค้าซึ่งเป็นชาวบ้านแถวนั้น มาเรียกซื้อของหน้าบ้าน พี่สะใภ้ของแม่เด็กหายกำลังออกไปทำงานพอดี จึงมาช่วยขายของ และให้ข้อมูลว่าได้ยินเสียงเด็กหายอยู่บริเวณที่นอน
.
8. แม่ให้ข้อมูลว่า หลังจากนั้นทุกคนยังนอนอยู่ โดยเด็กหายคลานมาไต่ตัวตนเอง สักพักเหมือนเด็กจะหลับ จึงยกตัวเด็ก กลับมานอนบริเวณเดิมที่เด็กนอน
.
9. จากนั้น แม่ให้ข้อมูลว่า ระหว่างที่นอนอยู่ รู้สึกตัวเหมือนมีคนเข้ามาอุ้มลูกไป ตนเองจึงตื่นเดินออกมาดู เพราะคิดว่า ญาติๆมาอุ้มเด็กไปเดินเล่น เมื่อไม่พบลูกจึงเรียกพ่อเด็กที่นอนอยู่ให้ออกตามหา
.
10. ทีมงานลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และยังอยู่ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยติดตามหาน้องต่อ รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นระยะ
ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา
6 ก.พ. 2566 (11.00น.)
Share Button

ประกาศตามหาเด็กหาย ! น้องต่อวัย 8 เดือน

เด็กหาย !!!
เด็กชาย ต่อศักดิ์ แสงสว่าง ชื่อเล่น น้องต่อ อายุ 8 เดือน หายออกจากบริเวณ หมู่ 6 ตำบลหินมูล อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 7.30 น.
เด็กหายรูปร่างสมส่วน สูงประมาณ 70 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 9 ก.ก. ผิวขาว ลักษณะผมเพิ่งโกนศรีษะ ตำหนิ ที่ศรีษะมีรอยแผลมีดโกนบาด และมีแผลเป็นที่คาง ที่ข้อมือซ้ายสวมเชือกถักหลายสี การแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาวแขนจั้มสีขาว สวมผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่ได้สวมรองเท้า
ผู้ใดพบเห็นโปรดแจ้งมูลนิธิกระจกเงา โทร. 080-775-2673
ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา
ประกาศเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2566
Share Button

ทุกครั้งที่พบคนเร่ร่อน เธอจะนึกถึงลูกชายที่หายไป

“บ้านที่อยู่ตอนนี้ เคยเป็นบ้านของแม่ แต่ตอนโจ้โดนจับ แม่เอาบ้านไปจำนอง เพื่อสู้คดี เราไม่มีเครดิตอะไร เลยต้องไปจำนองกับพวกเงินกู้นอกระบบ เขาให้เวลาปีเดียว เราไม่มีเงินไปคืน สุดท้ายบ้านโดนยึด กลายเป็นตอนนี้แม่เช่าบ้าน ที่เคยเป็นของตัวเองอยู่”
.
“ตอนนั้นโจ้เป็นวัยรุ่น เขาไปทำงานกับน้าที่กรุงเทพฯ แล้วคนมีเรื่องกัน โจ้อยู่ตรงนั้นพอดี คนมีเรื่องเขาโยนปืนมาให้โจ้ ด้วยความที่เขาซื่อๆ ก็เก็บปืนไว้ แล้ววันนั้นเขาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล พยาบาลเห็นโจ้มีปืนติดตัว เลยแจ้งตำรวจมาจับ”
.
“โจ้รับสารภาพ เขาไม่เคยมีประวัติคดีอะไรมาก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติ ก็ไปไม่เคยขาด อยู่ๆ ตอนนั้นมีตำรวจมาบอกว่า คสช.เขามีคำสั่งกวาดล้างคดีปืน คดีมีการอุทธรณ์ เขาพามาขึ้นศาลโจ้โดนตัดสินจำคุกหนึ่งปีหกเดือน ก็เข้าเรือนจำวันนั้นเลย”
.
🎶อยากให้เธอ อยู่อย่างนี้ ตลอดไป อยู่อย่างนี้กับฉัน ไม่ต้องจากกันได้มั้ย🎶”โจ้ชอบร้องเพลงท่อนนี้ของเพลง “สู้เพื่อรัก” ของ หลง ลงลายให้แม่ฟัง โจ้ชอบเล่นกีต้าร์ร้องเพลง เขาเป็นคนไม่สุงสิงกับใครตั้งแต่เด็กๆ เขาจะชอบมากอดมาหอมแม่ ไม่เกเรอยู่ติดบ้าน”
.
“ตอนเขาติดคุกที่กรุงเทพฯ แม่ไปเยี่ยมเขาครั้งแรก บอกเขาให้ทำตัวให้ดี อดทนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว เขายังปกติดีอยู่ แต่พอแม่ไปเยี่ยมครั้งต่อๆมา เหมือนเขาผิดปกติ นั่งเหม่อลอย สายตาเขาไม่เหมือนเดิม ถามซ้ำๆว่าแม่มายังไง มากับใคร แม่รู้เลยว่าเขาไม่ปกติแล้ว หรือว่าเขาไปโดนอะไรมาในคุก”
.
“โจ้ติดคุกจริงแค่ 6 เดือน ทุกครั้งที่แม่ขึ้นไปเยี่ยมเขา จะฝากเงินไว้ให้ตลอด พอวันปล่อยตัว เขามีเงินเก็บ 6,000 บาท เพราะเขาไม่ใช้อะไรเลย บอกว่าไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะในนั้นมีข้าวให้กินฟรี ตอนออกมาเขายังแจกเงินคนที่ไม่มีญาติมาเยี่ยม โจ้เป็นคนจิตใจดี เขาชอบเก็บหมาเก็บแมวตามข้างทางมาเลี้ยงที่บ้าน บางวันแม่ทำแกงหม้อใหญ่ เขาก็ตักไปแจกคน”
.
“หลังออกจากคุก แววตาโจ้เปลี่ยนไปมาก จากเคยร่าเริงเป็นเซื่องซึม บางวันพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว พาเขาไปโรงพยาบาล หมอบอกว่า เขาถูกกระทำบางอย่างที่กระทบกระเทือนอย่างหนัก ตอนนี้แม้จะอายุยี่สิบแต่สมองเขาเหมือนเด็กประถม ก็รักษาเขา กินยาจิตเวชต่อเนื่อง”
.
“จนวันหนึ่ง ยายเขาเป็นคนพูดเสียงดัง โจ้ตกใจวิ่งไปตบยาย แม่รีบวิ่งไปล๊อคคอเขา เขาก็ตบโดนแม่ ตะโกนพูดคนเดียว ว่า “ทรยศ ทรยศ” แม่ค่อยๆบอกเขาว่านี่ คือแม่นะ แม่กอดเขานะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านเรา ไม่ได้อยู่ที่คุก เขาค่อยๆ พูดว่า “อยู่บ้านๆ”แล้วหัวเราะออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่เจ็บปวดมาก ลูกเราติดคุก 6 เดือนแต่เขาโดนอะไรมาบ้าง ถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน”
.
“ก่อนวันที่เขาหายไป เขายังอ้อนแม่ให้อาบน้ำให้เขา แต่แม่บอกว่าเขาโตแล้วให้อาบเอง พอเขาอาบเสร็จแม่มาแต่งตัวปะแป้งให้เขาเหมือนเด็กๆ พอวันต่อมาเขาก็หายออกจากบ้านไป แม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตามหา ยืมรถยนต์ของเพื่อนออกไปดูตามที่ต่างๆ”
.
“ทุกวันนี้เวลาเจอคนเร่ร่อนจะไปดูว่าใช่ลูกเรามั้ย มันหดหู่ ถ้าโจ้ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่มั้ย แต่ตราบใดยังไม่เจอศพเขา แม่ก็หวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้กลับบ้าน”
——————————————————-
อุมาพร พุทธศรี แม่
สหภาพ พุทธศรี (โจ้) คนหาย
——————————————————-
คนหาย !!!
ชื่อ นายสหภาพ พุทธศรี หรือ โจ้ อายุ 24 ปี
หายจากบ้านที่บ้านเกาะยาว ต.หน้าสตน
อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2563
.
คนหาย สูง 178 ซม. หนัก 80 กก.
ผิวสีขาว-เหลือง ลักษณะผมสั้นฟู ผมสีดำ
มีรอยแผลเป็นตามร่างกาย
.
การแต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ
มีลายสกรีนด้านหลังสีเหลือง
สวมกางเกงขาสามส่วนสีเขียวขี้ม้า
สวมรองเท้าแตะหนีบสีดำสายคาดสีส้ม
.
***สัปดาห์ที่แล้วทีมงานเดินทางมาประสานเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอแม่โจ้ ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเทียบกับศพนิรนามของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม***
——————————————————-
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

DNA จากเยื่อบุกระพุ้งแก้ม สู่ความหวังในการพบคุณตาที่หายไป

ยายอายุ 76 ปี
ยอมหยุดเคี้ยวหมาก 3 วัน
ให้ช่องปากสะอาดที่สุด
เพื่อเก็บดีเอ็นเอที่เยื่อบุกระพุ้งแก้ม
.
ยายคือพี่สาวของตาผุยอายุ 72 ปี
ที่หายตัวไปจากห้องพักคนงานของลูกสาว
ที่ถนนนิมิตใหม่ กรุงเทพฯ
ตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
.
กรณีนี้ไม่สามารถเก็บดีเอ็นเอ
ลูกสาวของตาผุยได้
เพราะเป็นลูกที่ตาผุยขอรับมาเลี้ยง
ในขณะที่ญาติสายตรงเหลือเพียงคนเดียว
คือ ยายคนนี้ซึ่งเป็นพี่สาว
.
ยายไม่เคยทราบว่า
ดีเอ็นเอคืออะไร
เยื้อกระพุ้งแก้มจะหาน้องชายได้อย่างไร
.
ยากมากที่ยาย
หรือครอบครัวคนหายในต่างจังหวัด
จะเดินไปโรงพัก เพื่อขอเก็บดีเอ็นเอ
มาเทียบกับศพนิรนามด้วยตัวเอง
.
ทีมงานจึงเดินทางไป-กลับ1,200 กม.
อย่างน้อยเป็นความหวังว่า
มีตัวอย่างดีเอ็นเอของญาติตาผุย
อยู่ในระบบก่อนทุกอย่างจะสายไป.
—————————————————
สถานการณ์คนหายปัจจุบันกลุ่มผู้สูงอายุหลงลืม พลัดหลงหายออกจากบ้านเป็นจำนวนมาก มีแนวโน้มว่าคนกลุ่มนี้จะเร่ร่อนตามข้างถนน ซึ่งกลายเป็นคนนิรนามในสถานสงเคราะห์หรือกลายเป็นศพนิรนามจากอุบัติเหตุหรือจากการโดนทำร้าย จึงควรมีการเก็บดีเอ็นเอญาติคนหาย เพื่อเทียบกับศพนิรนาม
—————————————————————
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

คำสัญญาของคุณตาที่ตามหาน้องชายมาตลอด 3 ปี

หลังความตายของพ่อกับแม่
คุณตาอายุ 74 ปีซึ่งเป็นพี่ชายคนโต
ถูกฝากฝังให้ดูแลน้องชายคนสุดท้อง
ทุกวันคุณตาและภรรยารวมทั้งญาติๆ
จะเตรียมข้าวให้น้องไว้กินระหว่างวัน
เตรียมเงินไว้ให้เดินไปซื้อของกินเล่น
.
น้องชายคนสุดท้องชื่อ พรม
เขาอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว
แต่เขาไม่รู้จักชื่อตัวเอง
เขาเป็นคนพิการทางสติปัญญา
เขาจะคุ้นชื่อที่ทุกคนเรียกว่า “อ่อน”
.
เขามักเดินไปเล่นแถวบ้าน
ตกเย็นเขาจะเดินกลับมาเอง
หมู่บ้านเขาชื่อ “คลองปลาโด”
แต่ถ้ามีใครถามว่าบ้านอยู่ไหน
เขาจะตอบได้เพียง “อยู่โด”
.
เขาเดินหายจากบ้านไป 3 ปีแล้ว
ไม่กลับมาอีกเลย
พี่ชายและญาติออกตามหาจนทั่ว
แต่ไม่พบเบาะแสของเขา
.
สัปดาห์ก่อนเรานัดคุณตาที่โรงพัก
คุณตามาผิดเวลาเกือบชั่วโมง
หลังจอดรถสามล้อเครื่อง
คุณตาเดินขากะเผลกมาหน้าอาคาร
ถอดรองเท้าแล้วเดินขึ้นบันได
ตาบอกว่าที่มาช้าเพราะตอนเช้า
ที่บ้านกำลังไปปลูกมันสำปะหลังกัน
.
เราพาคุณตามาเก็บดีเอ็นเอ
เพื่อเทียบกับศพนิรนาม
ครอบครัวเคยทำบุญแจกข้าว
เขียนชื่อของ พรม ลงในถุงข้าว
หวังให้เขาได้รับบุญกุศลบ้าง
คุณตาบอกว่าไม่รู้จะตามหาที่ไหน
และยังจำคำที่พ่อแม่ฝากฝังไว้ว่า
“อย่าทิ้งมันนะ”
————————————————————-
สถานการณ์คนหายปัจจุบัน ผู้ป่วยจิตเวชและพิการทางสมองหายออกจากบ้านเป็นจำนวนมาก มีแนวโน้มว่าคนกลุ่มนี้จะเร่ร่อนตามข้างถนน ซึ่งกลายเป็นคนนิรนามในสถานสงเคราะห์หรือกลายเป็นศพนิรนามจากอุบัติเหตุหรือจากการโดนทำร้าย จึงควรมีการเก็บดีเอ็นเอญาติคนหาย เพื่อเทียบกับศพนิรนาม
—————————————————————
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

ลดความลำบากผ่านกล่องแบ่งปัน สู่ครอบครัวที่รอให้คนหายกลับมา

วันนั้น…
น้องชายของเด็กหายยังอยู่ในท้องแม่
แม่อุ้มท้องพาเขาไปค้นหาพี่ชาย
ไม่นานจากนั้นเขาลืมตาดูโลก
เราเจอเขาครั้งแรกที่ไร่อ้อย
ระหว่างที่แม่ต้องหอบลูกเล็กไปทำงาน
.
วันนี้เขาอายุ 9 ขวบแล้ว
อายุเท่ากับระยะเวลาที่พี่ชายหายไป
เขาเห็นพี่ชายแต่ในรูป
บางวันถามแม่ว่าเมื่อไหร่พี่จะกลับมา
.
9 ปีที่ผ่านมา
เราลงมาติดตามค้นหาสืบสวนนับสิบครั้ง
ไม่มีอะไรค้างคาใจว่ายังไม่ได้ทำ
เพราะทำทุกวิธีการแล้วในการตามหา
.
บางทีการเดินทางไปไกลถึง 600 กม.
เพื่อเจอคนปลายทางเพียง 60 นาที
มันมีความหมายเกินกว่าคุยทางโทรศัพท์
.
ยิ่งในวันที่รู้ว่าครอบครัวคนหายลำบาก
แม่ต้องขึ้นภูเขาเข้าป่าไปเก็บขี้ยางต้นไม้
เก็บของป่า เก็บผักหวาน เก็บเห็ด
หรือออกรับจ้างแลกค่าแรง 220 บาท
การนำแต้ม Allmember, แต้ม The1
ซื้อของกิน ของใช้จำเป็น
รวมทั้งของบริจาคจัดแพคใส่”กล่องแบ่งปัน”
จึงรวมเป็นเรื่องกำลังใจที่เรานำมาพร้อมกัน
.
นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง
คนรับแจ้งคนหาย กับ ครอบครัวคนหาย
การแบ่งเบาความทุกข์ แบ่งปันความสุข
เราช่วยทำหน้าที่นี้ ที่ทุกท่านส่งต่อผ่านเรา
ไปยังผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริงครับ.
———————————————————-
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

ทุกเบาะแสมีความหมาย ยังมีหวังที่จะได้พบลูกชายที่หายไป

ความหวัง
“มีชายเร่ร่อนผอมมากๆ
ผมยาวจนพันกันเป็นขดๆ
หน้าเหมือนคุณคนนี้
เดินถอดเสื้ออยู่แถวศรีราชา…”
.
นี่คือเบาะแสแห่งความหวัง
หลังเราเล่าเรื่องคนหายจิตเวชรายหนึ่ง
ลงในหน้าเพจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
และมีเบาะแสแจ้งกลับมาทันที
.
เบาะแสนี้แม่คนหายยังเข้าคอมเมนต์
จนทำให้เราทราบว่า
แม่คนหายเป็น “แฟนตัวยง”
ของเพจมูลนิธิกระจกเงา
แปลว่าเธอยังคงเฝ้ารอความหวัง
และติดตามเบาะแสด้วยใจจดจ่อ
.
ทีมงานลงพื้นที่มาตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้
จนกระทั่งเช้าวันนี้เราเจอชายเร่ร่อน
ตรงตามเบาะแสที่แฟนเพจแจ้งมา
.
ความหมาย
ทีมงานรีบส่งภาพชายเร่ร่อน
ให้แม่คนหายตรวจสอบทันที
แม้คำตอบจะยังไม่ใช่คนหาย
ที่แม่และทีมงานกำลังตามหา
แต่ทุกเบาะแสล้วนแล้วแต่มีความหมาย
อย่างน้อยทำให้รู้ว่า
แม่ไม่ได้ตามหาลูกเพียงลำพัง
และคนในสังคมยังมีสายตา
ที่มองเห็นเพื่อนมนุษย์ที่ลำบากเดือดร้อน
.
#ความช่วยเหลือ
แม้ชายเร่ร่อนคนนี้
จะยังไม่ใช่ลูกชายของแม่รายนี้
แต่ทีมงานพยายามตรวจสอบข้อมูล
ว่าอาจเป็นคนหายรายอื่นๆ หรือไม่
และจะส่งข้อมูลให้ทีมงานผู้ป่วยข้างถนน
ลงพื้นที่ประสานให้ความช่วยเหลือ
ชายเร่ร่อนคนนี้เป็นลำดับต่อไป
.
ความทรงจำที่งดงาม
มีคอมเมนต์หนึ่งในประกาศคนหายรายนี้
“เมื่อก่อนจะเลี่ยงคนเร่ร่อน คนสติไม่ดี
หรือคนเกิดอุบัติเหตุ เพราะกลัว
แต่หลังจากตามข่าวมูลนิธิกระจกเงาบ่อยๆ
เราจะมองทุกครั้ง เผื่อเป็นคนหายในประกาศ
จำภาพตอนที่แม่เจอน้องสาว
หลังจากที่หายไปหลายสิบปีได้เลย
อยากให้ทุกคนเจอคนที่ตามหา”—————————————————
สนับสนุนให้ทุกความหวังเป็นจริง
ร่วมพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
ไทยพาณิชย์ เลขที่ 2022582886
Share Button

‘เสี่ยหมี’ ได้กลับชุมชนอีกครั้ง ร่างของเขาไม่ใช่ศพนิรนามอีกต่อไป

ใครๆ ก็เรียกเขาว่า “เสี่ยหมี”
สมัยหนุ่มๆ เขาขยันทำงาน
อาชีพสุดท้าย คือคนขับรถตุ๊กตุ๊ก
กระทั่งผิดหวังจากความรักในวัยห้าสิบ
ความเจ็บปวดนำพาเขาสู่การดื่มสุรา
และเริ่มถูกเรียกว่า “เสี่ยหมี”นับแต่นั้นมา
.
เขาเริ่มนอนในตลาด และที่สาธารณะ
แต่งตัวมอมแมมสวมแหวน สวมสร้อยรุงรัง
มีสภาพกลายเป็นเร่ร่อนที่มีบ้าน
เมื่อตื่นจากความเมา
จะรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ที่ตลาด
.
ญาติพี่น้องซึ่งอยู่ในชุมชนเดียวกัน
พยายามดูแลเขาเท่าที่พอทำได้
เฉลี่ยเงินดูแลข้าวปลาอาหาร
แต่เขายังเลือกเดินออกจากบ้าน
ไปใช้ชีวิตกึ่งเร่ร่อนในตลาด
กระทั่งเมื่อ 6 ปีที่ก่อน เขาหายตัวไป
แล้ว “เสี่ยหมี”ไม่ได้กลับมาที่ชุมชนอีกเลย
.
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ติดต่อมาที่มูลนิธิกระจกเงา
แจ้งว่ามีศพนิรนาม ศพหนึ่ง คล้าย “เสี่ยหมี”
ถูกรถชนเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2559 ที่ปทุมธานี
ถูกนำส่งชันสูตร ในฐานะศพนิรนาม
แต่ตอนนั้นไม่มีข้อมูลว่าศพนั้นเป็นใคร
.
กระทั่งตอนนี้
มีกระบวนการนำลายนิ้วมือศพนิรนาม
ไปตรวจเทียบกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง
จึงทำให้ทราบว่า ชายเร่ร่อนที่ถูกรถชนตาย
ที่กลายเป็นศพนิรนามไม่ทราบชื่อ
เขา คือ “หมี” ที่ญาติตามหามานานกว่า 6 ปี
.
วันนี้เขาจะได้กลับไปยังชุมชน
ที่ทุกคนขนานนามเขาว่า “เสี่ยหมี”
จากคนหายไม่ทราบสถานะ
จนเป็นศพนิรนาม ที่ทราบชื่อนามสกุลแล้ว
.
ขอแสดงความชื่นชม
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ที่ใช้ความรู้ ความสามารถของหน่วยงาน
พิสูจน์จนทราบว่า ผู้ตายเป็นใคร
————————————————————
ด้วยครอบครัวเสี่ยหมี มีฐานะยากจน
มูลนิธิกระจกเงา จึงสนับสนุนเงิน
สำหรับเป็นค่ารถรับศพ ค่าเดินทางญาติพี่น้อง
ตลอดจนค่าจัดการงานศพจำนวน 10,000 บาท
————————————————————
สนับสนุนการพาคนหายกลับบ้าน
ตามหาข้อมูลศพนิรนาม
และช่วยงานศพครอบครัวคนหายที่ยากไร้
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

น้ำตาแห่งการรอคอยสิ้นสุดลง แม่ได้พบกับลูกอีกครั้งหลังหายไป 3 ปี

สามปีเต็มที่เขาหายตัวไป
นานจนครอบครัวคิดว่าเขาตายไปแล้ว
แม่ซึ่งขายข้าวแกงหาเช้ากินค่ำที่บ้านนอก
ไม่รู้จะไปตามหาเขายังไง
สุดท้ายเราติดตามจนพบข้อมูลว่าเขา
ไปใช้ชีวิตทำงานบนเรือประมง
ตั้งแต่หายตัวไป
.
วันที่ทีมงานโทรบอกแม่คนหาย
ว่าพบตัวเขาแล้วและเขายังมีชีวิตอยู่
เป็นวันนี้ที่แม่ร้องไห้เป็นวันสุดท้าย
และหยุดร้องไห้เป็นวันแรกในรอบสามปี
แม่ไม่ต้องนอนร้องไห้คิดถึงเขาอีกแล้ว
.
วันนี้แม่และพี่สาวมารอรับเขาที่ท่าเรือ
สิ้นสุดการรอคอยกว่าสามปีเต็ม
เขากำลังได้กลับบ้านอีกครั้ง
ส่วนพวกเรา
จะพยายามตามหาคนหาย
ที่ “บ้าน” กำลังรอพวกเขากลับไป
นี่เป็น ของขวัญปีใหม่ สำหรับทุกคนครับ.
.
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

หวนคืนสู่อ้อมแขนของครอบครัว ศพที่เคยนิรนามของ ‘ลุงอ๊อด’

ในกล่องสีขาว คือ โครงกระดูกลุงอ๊อด
ลุงอ๊อดคือช่างศิลปะด้านการแกะสลักไม้
เมื่อไม่มีงานแกะไม้ เขาคือคนถีบสามล้อรับจ้าง
หลังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว
เขาใช้ชีวิตกินนอน อยู่บนรถสามล้อ
.
ลูกชายเคยชวนเขาไปอยู่ด้วยกัน
แต่ลุงอ๊อดรักชีวิตอิสระ ไม่อยากเป็นภาระใคร
เขาแวะเวียนไปเยี่ยมญาติเป็นบางครั้ง
และลูกชายแวะมาหาเขาตลอด
.
จน 4 ปีที่แล้วลุงอ๊อดหายตัวไป
ลูกชายพยายามออกตามหาแต่ไม่พบเบาะแส
เป็นเพียงเรื่องราวชายถีบสามล้อเร่ร่อน
หายตัวไปเงียบๆ
.
กระทั่งเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2565ที่ผ่านมา
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ติดต่อมาที่มูลนิธิกระจกเงา
แจ้งว่ามีศพนิรนาม ศพหนึ่ง คล้าย “ลุงอ๊อด”
.
ศพนิรนามศพนั้นถูกพบเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
หมดสติที่ข้างถนนแล้วเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ถูกนำส่งชันสูตร ในฐานะศพนิรนาม
แต่ตอนนั้นไม่มีข้อมูลว่าศพนั้นเป็นใคร
.
กระทั่งตอนนี้
มีกระบวนการนำลายนิ้วมือศพนิรนาม
ไปตรวจเทียบกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง
จึงทำให้ทราบว่า ชายที่หายใจรวยรินข้างถนน
ที่กลายเป็นศพนิรนามไม่ทราบชื่อ
เขา คือ ลุงอ๊อด ที่ญาติตามหามานานกว่า 4 ปี
.
วันนี้ลุงอ๊อดได้กลับบ้านแล้วครับ
ญาติบอกว่าจะได้พากระดูกลุงอ๊อดไปทำบุญ
แม้จะทำพิธีแบบเล็กๆ ตามมีตามเกิด
แต่เขาจะได้ไม่เป็นศพนิรนามและวิญญาณเร่ร่อน
.
ขอแสดงความชื่นชม
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ที่ใช้ความรู้ ความสามารถของหน่วยงาน
พิสูจน์จนทราบว่า ผู้ตายเป็นใคร
————————————————————
ด้วยครอบครัวลุงอ๊อด มีฐานะยากจน
มูลนิธิกระจกเงา จึงนำเงินบริจาคจากแฟนเพจ
สนับสนุนเงินค่าฌาปนกิจศพลุงอ๊อด จำนวนหนึ่ง
—————————————————————-
ยังมีศพนิรนามและคนหายจำนวนมาก
ที่พวกเราจะค้นหาติดตาม พาพวกเขากลับบ้าน
สนับสนุนภารกิจนี้
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
ไทยพาณิชย์ เลขที่ 2022582886
Share Button