ทุกครั้งที่พบคนเร่ร่อน เธอจะนึกถึงลูกชายที่หายไป

“บ้านที่อยู่ตอนนี้ เคยเป็นบ้านของแม่ แต่ตอนโจ้โดนจับ แม่เอาบ้านไปจำนอง เพื่อสู้คดี เราไม่มีเครดิตอะไร เลยต้องไปจำนองกับพวกเงินกู้นอกระบบ เขาให้เวลาปีเดียว เราไม่มีเงินไปคืน สุดท้ายบ้านโดนยึด กลายเป็นตอนนี้แม่เช่าบ้าน ที่เคยเป็นของตัวเองอยู่”
.
“ตอนนั้นโจ้เป็นวัยรุ่น เขาไปทำงานกับน้าที่กรุงเทพฯ แล้วคนมีเรื่องกัน โจ้อยู่ตรงนั้นพอดี คนมีเรื่องเขาโยนปืนมาให้โจ้ ด้วยความที่เขาซื่อๆ ก็เก็บปืนไว้ แล้ววันนั้นเขาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล พยาบาลเห็นโจ้มีปืนติดตัว เลยแจ้งตำรวจมาจับ”
.
“โจ้รับสารภาพ เขาไม่เคยมีประวัติคดีอะไรมาก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติ ก็ไปไม่เคยขาด อยู่ๆ ตอนนั้นมีตำรวจมาบอกว่า คสช.เขามีคำสั่งกวาดล้างคดีปืน คดีมีการอุทธรณ์ เขาพามาขึ้นศาลโจ้โดนตัดสินจำคุกหนึ่งปีหกเดือน ก็เข้าเรือนจำวันนั้นเลย”
.
🎶อยากให้เธอ อยู่อย่างนี้ ตลอดไป อยู่อย่างนี้กับฉัน ไม่ต้องจากกันได้มั้ย🎶”โจ้ชอบร้องเพลงท่อนนี้ของเพลง “สู้เพื่อรัก” ของ หลง ลงลายให้แม่ฟัง โจ้ชอบเล่นกีต้าร์ร้องเพลง เขาเป็นคนไม่สุงสิงกับใครตั้งแต่เด็กๆ เขาจะชอบมากอดมาหอมแม่ ไม่เกเรอยู่ติดบ้าน”
.
“ตอนเขาติดคุกที่กรุงเทพฯ แม่ไปเยี่ยมเขาครั้งแรก บอกเขาให้ทำตัวให้ดี อดทนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว เขายังปกติดีอยู่ แต่พอแม่ไปเยี่ยมครั้งต่อๆมา เหมือนเขาผิดปกติ นั่งเหม่อลอย สายตาเขาไม่เหมือนเดิม ถามซ้ำๆว่าแม่มายังไง มากับใคร แม่รู้เลยว่าเขาไม่ปกติแล้ว หรือว่าเขาไปโดนอะไรมาในคุก”
.
“โจ้ติดคุกจริงแค่ 6 เดือน ทุกครั้งที่แม่ขึ้นไปเยี่ยมเขา จะฝากเงินไว้ให้ตลอด พอวันปล่อยตัว เขามีเงินเก็บ 6,000 บาท เพราะเขาไม่ใช้อะไรเลย บอกว่าไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะในนั้นมีข้าวให้กินฟรี ตอนออกมาเขายังแจกเงินคนที่ไม่มีญาติมาเยี่ยม โจ้เป็นคนจิตใจดี เขาชอบเก็บหมาเก็บแมวตามข้างทางมาเลี้ยงที่บ้าน บางวันแม่ทำแกงหม้อใหญ่ เขาก็ตักไปแจกคน”
.
“หลังออกจากคุก แววตาโจ้เปลี่ยนไปมาก จากเคยร่าเริงเป็นเซื่องซึม บางวันพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว พาเขาไปโรงพยาบาล หมอบอกว่า เขาถูกกระทำบางอย่างที่กระทบกระเทือนอย่างหนัก ตอนนี้แม้จะอายุยี่สิบแต่สมองเขาเหมือนเด็กประถม ก็รักษาเขา กินยาจิตเวชต่อเนื่อง”
.
“จนวันหนึ่ง ยายเขาเป็นคนพูดเสียงดัง โจ้ตกใจวิ่งไปตบยาย แม่รีบวิ่งไปล๊อคคอเขา เขาก็ตบโดนแม่ ตะโกนพูดคนเดียว ว่า “ทรยศ ทรยศ” แม่ค่อยๆบอกเขาว่านี่ คือแม่นะ แม่กอดเขานะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านเรา ไม่ได้อยู่ที่คุก เขาค่อยๆ พูดว่า “อยู่บ้านๆ”แล้วหัวเราะออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่เจ็บปวดมาก ลูกเราติดคุก 6 เดือนแต่เขาโดนอะไรมาบ้าง ถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน”
.
“ก่อนวันที่เขาหายไป เขายังอ้อนแม่ให้อาบน้ำให้เขา แต่แม่บอกว่าเขาโตแล้วให้อาบเอง พอเขาอาบเสร็จแม่มาแต่งตัวปะแป้งให้เขาเหมือนเด็กๆ พอวันต่อมาเขาก็หายออกจากบ้านไป แม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตามหา ยืมรถยนต์ของเพื่อนออกไปดูตามที่ต่างๆ”
.
“ทุกวันนี้เวลาเจอคนเร่ร่อนจะไปดูว่าใช่ลูกเรามั้ย มันหดหู่ ถ้าโจ้ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่มั้ย แต่ตราบใดยังไม่เจอศพเขา แม่ก็หวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้กลับบ้าน”
——————————————————-
อุมาพร พุทธศรี แม่
สหภาพ พุทธศรี (โจ้) คนหาย
——————————————————-
คนหาย !!!
ชื่อ นายสหภาพ พุทธศรี หรือ โจ้ อายุ 24 ปี
หายจากบ้านที่บ้านเกาะยาว ต.หน้าสตน
อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2563
.
คนหาย สูง 178 ซม. หนัก 80 กก.
ผิวสีขาว-เหลือง ลักษณะผมสั้นฟู ผมสีดำ
มีรอยแผลเป็นตามร่างกาย
.
การแต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ
มีลายสกรีนด้านหลังสีเหลือง
สวมกางเกงขาสามส่วนสีเขียวขี้ม้า
สวมรองเท้าแตะหนีบสีดำสายคาดสีส้ม
.
***สัปดาห์ที่แล้วทีมงานเดินทางมาประสานเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอแม่โจ้ ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเทียบกับศพนิรนามของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม***
——————————————————-
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button