ภารกิจนี้…สำหรับคนแปลกหน้า

ผมขับมอเตอร์ไซต์ซอกซอนไปมาบนถนนสายนี้ทุกวัน อาชีพแมสเซ็นเจอร์สอนวิธีการเอาตัวรอดบนท้องถนนในกรุงเทพให้กับผม บอกไม่ถูกว่าผมรักฤดูฝนหรือฤดูร้อนมากกว่ากัน ช่วงเที่ยงเปลวแดดเฝ้าแต่จะทำให้ผิวของผมสั่นสะท้านไปด้วยความร้อนรน บางวันร้อนจนขนลุก พาลจะเป็นลมบนอานมอเตอร์ไซต์คู่ใจ ในฤดูฝนท้องถนนเต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง การขับขี่ยากเย็น ผู้คนในเมืองดิ้นรนขวนขวายหาทางกลับบ้านให้ได้เร็วที่สุด เอกสารที่ลูกค้าฝากไว้ในกระเป๋าหนังที่แขวนอยู่แนบกายต้องถูกรักษาให้ดีที่สุด ผมทำงานตั้งแต่เช้าจนเย็น ขับรถไปมานำเอกสาร พัสดุและข้าวของไปส่งให้ตามหมายของบริษัท ทุกวันผมทำงานอย่างสุจริต โดยไม่ย่อท้อต่ออากาศร้อนหนาว 

 

วันนี้อากาศดี แดดร่มลมตก พลันหางตาของผมเห็นชายสูงอายุ เดินกลับไปกลับมาอยู่ริมฟุตบาท ด้วยท่าทีที่ไม่ปกติ สีหน้ากังวลและแววตาหงุดหงิดของชายชราทำให้ผมรู้สึกสงสัย คิดในใจว่าขากลับหายังเห็นชายชราคนนี้ คงต้องลองเข้าไปถามไถ่ถึงที่มาที่ไปสักหน่อย รถขยับได้เพียงไม่ถึงหนึ่งกิโล ในของผมยังกังวลถึงชายชราคนนั้นอยู่ไม่ขาดกลัวเขาจะถูกรถชนเข้าให้ แลตัดสินใจหมุนรถกลับ จอดรถแล้วลงไปถามไถ่

 

ชายชราในวัยประมาณเจ็ดสิบปลาย ดูกำลังสับสน เขาสบตาผม แต่ตอบอะไรกลับมาไม่ได้สักอย่างแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง แกน่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หลงลืมตามวัย แต่ เขามาเดินอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ผมคิดแก้ไขปัญหาตรงหน้าด้วยการโทรศัพท์มาที่ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เจ้าหน้าที่แนะนำให้ผมพาชายชราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ไม่นานเจ้าหน้าก็ตามมาสมทบ ทุกคนช่วยกันซักไซร้ไล่เรียงจนชายชราบอกว่า เขาขายข้าวมันไก่อยู่ที่ตลาดเสนา เมื่อพอได้ข้อมูลและเบาะแส พวกเราพาชายชราไปยังตลาดเพื่อตามหาร้านข้าวมันไก่ 

 

โชคดีที่ความทรงจำที่ยังเหลืออยู่นี้เป็นความจริง ร้านข้าวมันไก่มีจริงอยู่ในตลาดแห่งนี้ และเป็นลูกชายของชายชรา ที่เป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ร้านนี้ ผมบอกเล่าการพบเจอคุณพ่อของเขาให้ฟัง ลูกชายตอบกลับมาว่า พวกเขาไม่รู้ว่าพ่อหายตัวไป เพราะเป็นช่วงเช้าๆถึงเที่ยง ที่ลูกค้าเยอะมากจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น ลูกๆของชายชราขอบคุณพวกเราทุกคนที่พาพ่อกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง.. หากไม่มีความร่วมมือร่วมใจกัน กว่าจะรู้ว่าพ่อหายไป ป่านนี้ไม่รู้ว่าพ่อไปอยู่ที่ไหนแล้ว

 

ผมคิดในใจ ถ้าผมตัดสินใจช้าอีกสักสิบนาทีหรือครึ่งชั่วโมง หากชายชราพาตัวเองขึ้นรถโดยสารสักสายหนึ่ง ผมคงตามหาเขาไม่พบ สุดท้ายเราก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าของกันและกันเหมือนเดิม

 

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเผยในปี 2558 พบว่ามีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในไทยราว 600,000 คน และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,117,000 คนในปี 2573 โดยน.พ. วรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุสำคัญของกลุ่มอาการสมองเสื่อมโดยพบได้ถึงร้อยละ 60-70 โดยทุก ๆ 68 วินาที จะมีผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้นหนึ่งรายในโลก ขณะที่คาดว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคนี้กว่า 50 ล้านคน ในส่วนของไทย พบความชุกของโรคนี้ประมาณร้อยละ 3-5 และจะพบมากขึ้นตามอายุ ซึ่งอาจพบสูงถึงร้อยละ 30 ในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 85 ปี และกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าโรคอัลไซเมอร์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การตรวจพบในระยะเริ่มต้นจะช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้สูงอายุมีอาการหลงลืม เช่น จำเหตุการณ์หรือคำพูดที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้ สับสนเรื่องต่างๆ มีปัญหาการพูด ออกนอกบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก ก้าวร้าว ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ตามปกติ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบประสาทแพทย์หรือแพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุเพื่อรับการรักษา

 

เช่นกัน ศูนย์ข้อมูลคนหายรับแจ้งผู้สูงอายุพลัดหาย จากอาการหลงลืมด้วยโรคอัลไซเมอร์ทุกวันมันง่ายมาก เพียงแค่เขาเปิดประตูรั้วแล้วเดิน ความทรงจำระยะสั้นจะหายไปในทันที ลืมแม้กระทั่งทางกลับบ้าน ชื่อซอยหรือแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง และทุกการหายตัวไปของผู้สูงอายุในเมือง พบว่า มักถูกพบด้วยคนแปลกหน้าที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของผู้สูงอายุที่กำลังพลัดหลงและไร้ความทรงจำ ส่วนใหญ่กลับบ้านอย่างปลอดภัย และมีโอกาสหายในสักวันหากคนในครอบครัวพลั้งเผลอ แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้ผู้สูงอายุหมดแล้วซึ่งความทรงจำในการดำเนินชีวิต  แต่คนทั่วๆไปเช่นเรา สองตาและสองมือยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือพอจะช่วยเหลือกัน แม้จะเป็นในนามของ “คนแปลกหน้า” ก็ตามที…เพราะนี่อาจเป็นภารกิจของเราทุกคนในสังคม

 

Share Button