ณ สถานที่ ที่เวลาเป็นนิรันดร์

เป็นเวลาบ่ายสามนาฬิกา ก่อนแดดร่มลมตก
ฉันได้ยินเสียงลมหัวเราะต่อกระซิกกับใบไม้
● ฉับพลัน กระรอกตัวเก่งกระโดด จากกิ่งไม้หนึ่งไต่ไปตามสายไฟแรงสูง
สูงเสียดฟ้า ฝุ่นละอองลอยฟุ้ง เป็นริ้วเล็กๆสีขาวๆทั่วท้องฟ้า
ริบๆสุดสายตาเป็นตึกคอนกรีตกำลังก่อสร้าง ส่งเสียงตึงตัง ตลอดทั้งกลางวัน
ระยิบแดด พยายามเบียดใบไม้เพื่อปรากฏตัวบนสนามหญ้าสีเขียวตองอ่อน
เด็กน้อยเอามือสัมผัสผืนทราย ก่อ ขยำและสร้างรูปทรงเป็นบ้าน ภูเขา
และทะเล
บนพื้นที่สองร้อยห้าสิบตารางวา
รองรับจินตนาการของทุกคนได้อย่างไม่จำกัด
ในยามเช้าของทุกวัน ท่ามกลางความวุ่นวาย แออัด รถติดของซอยทองหล่อ
โอโซนบริสุทธิ์รวมตัวกระจุกอยู่ในสวนสีเขียวของครูองุ่น จาลิก ผู้รักสงบ
ในยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน .. ไอชื้นของผืนดินนำความเยือกเย็นมาให้
กลิ่นดินหอมๆ และเสียงน้ำกระทบรดต้นไม้
ทำให้กิ่งก้านของมันแผ่กว้างขวางยิ่งขึ้น
ไม่ใช่เพียงเด็กๆที่หวังพึ่งพิงสวนแห่งนี้
..ผู้คนที่เหนื่อยล้า..คิดถึงบ้านนอกเมืองอาศัยมุมเล็กๆถอดถอนใจ
แว่วเสียงกระซิบในความทรงจำ ตุ๊กตาหุ่นมือจากผ้าหลายสี
เคยอวดโฉมในมือของครูองุ่น
ซุ่มเสียงสูงต่ำ และเรื่องราวพิศดาร เสกสรรเศษผ้าให้มีชีวิต
และทุกครั้ง จินตนาการที่หลับไหลก็กลับมาโลดแล่น
ในหัวใจของเด็กและผู้ที่เคยเป็นเด็กมาก่อน
เด็กหญิงลูกครึ่งผมหยิก แก้มสีชมพู เธอใช้ชีวิตอยู่บนคอนโดหรูหรา
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว เด็กน้อยยังเดินไม่ถนัด ล้มลุกคลุกคลาน
เดี๋ยวนี้แขนขาแข็งแรง วิ่งวนรอบต้นไม้ หัวเราะเอิกอ้าก
สร้างสีสันให้กับดอกไม้และใบหญ้า

เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ที่สวนแห่งนี้เปิดโอกาสให้สิ่งมีชีวิตได้เติบโต
ไม่ใช่เพียงร่างกาย แต่หมายรวมถึงจิตใจอันสดชื่น
แจ่มใสของเมืองที่ถูกละเลยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
บ้านสมถะหลังน้อยของครูองุ่นยังอยู่เช่นเดิม..เพื่อย้ำเตือนความทรงจำ..
รอยเท้าที่เคยเหยียบย่ำ ยังมิจางหาย.. หากใช้ใจสัมผัส
เราจะมองเห็นร่องรอยแห่งความเมตตากรุณา
ในความร้อนรุ่มของเมือง
สวนสาธารณะเล็กๆแห่งนี้ให้ความร่มเย็นในทุกวัน..
การได้เข้ามาเดินเล่น นั่งพักฟังเสียงธรรมชาติที่นี่
เปรียบเสมือนได้พูดคุยกับครูผู้อารี
แล้วร่ายกายและหัวใจของเราจะได้รับการชำระล้าง …

Share Button