หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา …เพราะว่า “รัก” จึงเขียนถึง

ฉันหยิบเรื่องหยดน้ำหวานในหยาดน้ำตามาอ่านซ้ำเป็นครั้งที่ 2
ด้วยเพราะคิดว่าชีวิตต่อจากนี้ควรพึงระลึกถึงความไม่แน่ไม่นอนของชีวิตไว้เป็นสรณะ
และแน่นอนฉันคิดอยู่เสมอว่า ในทุกเรื่องราวมีราคาที่ต้องจ่าย จะแพงจะถูกก็อยู่ที่เราเป็นผู้เลือก
เช่นกัน ชีวิตของนักเขียนชาย หญิง คู่นี้ฉายภาพความรักในรูปแบบที่เราคาดเดาไม่ได้ด้วยคำพูด
แต่ทั้งหมดยืนยันอย่างชัดแจ้งที่การกระทำ … เขากระทำต่อกันอย่างคนรักกันด้วยความรู้สึก

ฉันรู้ดีว่า..ต่อให้เรารักกันแค่ไหน วันหนึ่งความตายต้องมาพรากเราออกจากกัน
แน่นอนทั้งคู่คงไม่ได้คิดฝันว่ามันจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบปัจจุบันทันด่วนขนาดนั้น
ในเวลาที่ความสัมพันธ์กำลังลงตัวและสุขงอม…เป็นวันที่คนสองคนกำลังตกลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนตาย
มีแต่ความตายเท่านั้นที่แน่นอน มันส่งบทพิสูจน์แสนยากให้นักเขียนสาวที่กำลังใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน
เช่นเดิม เมื่ออยู่ๆความตายกระชากเธอให้กลับมายืนอยู่ในพื้นที่ของความจริง..เพียงลำพัง
หัวใจก็พลันแตกละเอียดเท่ากับเม็ดทรายกระจัดกระจายลอยฟุ้งไปในอากาศ
กว่าเธอจะตามหาตัวตนเก่าๆกลับมา..ก็ร้องขออ้อนวอนให้วันเวลารีบเดินผ่านไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

กว่า 10 ปี ที่อุรุดา โควินทร์ รวบรวมกำลังใจที่มีอยู่เขียนถึงคนรัก กนกพงศ์ สมพงพันธุ์ ในนามของนักเขียนเพื่อนคู่ชีวิตฉันสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มกรุ่มกริ้มนั้น จากใบหน้าของกนกพงศ์ในวันที่เขาเจอกันในแบบไม่ตั้งใจกึ่งตั้งใจมันเป็นชั้นเชิงในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดูเลือนลางแต่หากชัดเจนและเป็นไปได้ในทุกถ้อยคำ
หากฉันเป็นหญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มปฏิบัติเช่นนั้น .. หัวใจก็คงไขว้เขวไปคนละทิศละทางเช่นกัน

ฉันชอบชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความมุ่งมั่นนั้นของทั้งคู่
แม้ว่าชีวิตส่วนใหญ่ของนักเขียนสาวหมดไปกับงานบ้านงานเรือน
แต่ฉันเชื่อว่ามันคือวัตถุดิบชั้นดีของการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการทำกับข้าว เย็บผ้า หรือจัดบ้าน ปลูกต้นไม้
หลายครั้งที่กว่าฉันจะลงมือเขียนงานได้สักชิ้น ก็ต้องเห็นผ้าเต็มตระกร้าถูกซักล้างแล้วปลิวไสวไปตามลมอยู่บนราวตากผ้าเสียก่อน ไหนจะฝุ่นบนโต๊ะทำงาน บนชั้นหนังสือก็ควรจะได้รับการปัดกวาด
ห้องน้ำก็ควรจะสะอาดสะอ้านเพื่อเตรียมต้อนรับทุกคน..หรือแม้แต่ตัวฉันที่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้บริการห้องน้ำที่สะอาด เป็นระเบียบและหอมกรุ่น เช่นกัน กับข้าวกับปลา ขนมหวาน กาแฟต้องพร้อมเมื่อหิว

กว่าจะลงมือเขียนเรื่องสั้นสักเรื่อง บ้านช่องห้องหับต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้นจึงถึงเวลานั่งตากลมมองดูผ้าม่านล้อเล่นกับลม สูดกลิ่นหอมอันมีชีวิตชีวาของบ้าน เสร็จสิ้นทั้งหมดที่กล่าวมาก็ถึงพร้อมจัดแจงตระเตรียมอารมณ์และจินตนาการเพื่อขีดเขียนงานดีๆสักชิ้น ..

ใช่.. มีหลายทัศนะของอุรุดาที่ฉันเห็นด้วย .. เช่นเมื่อเธอบอกว่า

“ฉันรักพี่เข้าแล้ว
โดยไม่สนว่าพี่รู้สึกอย่างไร
ความรักเป็นของฉัน ไม่เกี่ยวกับพี่
ความรักอาจเป็นเรื่องของคนสองคน
แต่ความรู้สึก หัวใจเป็นของฉัน”

จริง!! ฉันเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นเต็มเมื่อความรู้สึกของเราเกิดรักใครสักคนขึ้นมาโดยไม่ต้องการรักตอบ
บ่อยครั้งเราพิสูจน์คำรักผ่านการกระทำ กอดที่ให้ความรู้สึกเช่นเดิม จูบที่ตอบสนองไม่น้อยไปจากเดิม
สายตาที่แฝงแรงปรารนาถเท่าเดิม และเรายังสบตากันลึกซึ้งไม่เปลี่ยน ทั้งหมดเราใช้ความรู้วัดความรู้สึกระหว่างกัน…ฉันจะยืนยันว่านี่คือ “ความรัก”

ฉันสัมผัสได้ว่าตลอดสิบปีที่ผ่านอุรุดาต้องต่อสู้กับความทรงจำอันงดงามนั้นมาตลอด และไม่ว่าจะอย่างไร เธอผ่านมันมาจนได้.. เชื่อว่าฉันสัมผัสได้แค่หนึ่งในเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอเท่านั้น ..ไม่ได้รู้สึกรู้สาและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอมากเท่าที่เธอรู้สึกแน่นอน

ฉันหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านซ้ำด้วยความรู้สึกว่าไม่ว่าความสุขหรือความทุกข์ก็สอนให้เราเติบโตได้เช่นกัน ความสุขจากความรัก ส่งต่อพลังและแรงบันดาลใจมากมายเหลือคณานับ เช่นกัน ความทุกข์จากการพลัดพรากสิ่งอันเป็นที่รัก กลับสร้างคุณูปการแห่งชีวิตอย่างเหลือเชื่อ .. ฉันชอบชั้นเชิงการถ่ายทอดคำของนักเขียนยิ่งนัก มันดูจริงใจและซื่อตรงและฉันเชื่อในทุกคำที่เธอเล่าผ่านในแต่ละบรรทัด เหมือนกับว่าหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนไว้ก่อนที่สองคนจะได้เจอกัน

ฉันพูดคำรักอย่างสามัญเพราะไม่มีคำอื่นให้กล่าว
และฉันไม่อาจหาคำใดมาแทนค่าความรู้สึกที่มีต่อรัก อย่างเรียบง่าย
ฉันพอจะขยายความได้, ฉันพร้อมร่วมชะตากรรมกับพี่
ฉันทำให้เห็นทุกเมื่อเชื่อวันว่าความรักของฉันไม่ใช่การแตะต้องสัมผัส
คำหวาน หรือการเอาใจ
แต่มันคือการยืดหยัดข้างพี่ ไม่ว่าพี่จะเป็นอย่างไร
และไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเรา

ใช่..ฉันหลงรักถ้อยคำเหล่านี้ ฉันหลงรักบ้านในเขียว อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมชาติ .. หลงรักยอดเขาพรหมโลก หลงรักแกงเลียง แกงเหลือง ผัดผัดกูด ยอดแหมะ น้ำพริกกระปิ เพียงเสี้ยวหนึ่งของเมนูอาหารที่มีเรียกน้ำลายได้อย่างมากมายในหนังสือ แค่อ่านกรรมวิธีการทำ ก็เหมือนได้ลิ้มรสในทุกเมนูที่กล่าวมาและแอบกลืนน้ำลายดังเอือกแบบไม่รู้ตัว

สุดท้าย ประโยคที่ฉันว่าจริงที่สุดในหนังสือเล่มนี้เป็นคำพูดของกนกพงศ์ ที่กล่าวโดยอุรุดา ที่ว่า

“กองไฟก็เหมือนชีวิต ตรงที่มันต้องการอากาศและที่ว่าง”

“ความรักก็เช่นกัน” ฉันกล่าวปิดท้ายประโยคก่อนพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่มีข้อกังขาใด

ไม่ว่าความรักแบบไหน …ก็อยากให้ทุกคนได้ลองรักใครสักคนดู จะสมหวังหรือผิดหวังก็ขอให้คิดเสียว่า
เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหนึ่ง..ก็เท่านั้น

Share Button