จากกระจกเงาถึงศพนิรนาม

ถึง ศพนิรนาม
.
หากดวงวิญญาณของคุณ ยังดำรงอยู่ในโลกหลังความตาย คุณคงรับรู้แล้วว่า การเป็นศพนิรนามในประเทศนี้ อาจทำให้ร่างที่ไร้ชื่อและนามสกุลของคุณ ถูกฝังอยู่ในสุสานอีกนานแสนนาน
.
ความตายที่ไม่ปรากฏเอกสาร ไม่รู้ชื่อนามสกุล ร่างของคุณจะถูกส่งไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลต่างๆ คุณอาจเห็นญาติของคุณตระเวนตามหาคุณในฐานะคนหาย โดยไม่รู้ว่า คุณคือ คนตายที่ไม่ทราบชื่อ หรือกระทั่งหากญาติสงสัยว่าคุณอาจเสียชีวิตแล้ว การตรวจสอบว่าศพของคุณอยู่แห่งหนตำบลใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแต่ละโรงพยาบาลต่างเก็บข้อมูลไว้ ไม่รวมเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน
.
คุณอาจเคยได้ยินใครหลายคน พูดเรื่อง “การคุ้มครองสิทธิของศพ” จนคุณคงแปลกใจว่า การคุ้มครองคุณ คือ การเก็บข้อมูลของคุณให้ค้นหาได้ยากที่สุด เก็บไว้ในแฟ้มที่ใครก็เข้าไม่ถึง จนญาติที่กำลังตามหาคุณหมดแรงกายแรงใจไปเอง
.
คุณรู้มั้ยว่า แม้ร่างไร้วิญญาณของคุณจะได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้ แต่จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้ากระบวนการที่ญาติของคุณจะเข้าสู่การเก็บดีเอ็นเอ เพื่อเทียบกับคุณ มันไม่ง่ายในแบบที่ชาวบ้าน สามารถเดินไปบอกตำรวจโรงพักด้วยตัวเองได้ว่าต้องการตรวจดีเอ็นเอกับศพนิรนาม
.
คุณคงเจ็บปวดและโดดเดี่ยว ก่อนคุณเสียชีวิต คุณอาจถูกกระทำจากฆาตกรด้วยความโหดเหี้ยม การพบศพคุณ ควรได้สืบสวนสอบสวนว่าคุณเป็นใคร และใครทำร้ายคุณ แต่การเป็นศพนิรนามในประเทศนี้ ได้พรากตัวตนและพรากความยุติธรรมไปจากคุณด้วย ในแบบที่เงียบหายดั่งสายลม
.
วันหนึ่ง คุณจะได้เดินทางไกล เมื่อคุณถูกปักป้ายที่หลุมศพว่า “นิรนาม” คุณอาจถูกพิธีกรรมล้างป่าช้า โดยไม่มีกฏหมายรับรอง เพราะรัฐ ไม่มีสุสานเฉพาะสำหรับศพนิรนาม หากวันหนึ่งโชคดี ญาติตามหาคุณจนพบ เขาจะไม่ได้ร่างของคุณกลับบ้าน แม้ความนิรนามของคุณจะสิ้นสุดลงแล้ว
.
การสูญหายและความตายมันน่าเศร้า แต่ความทุกข์ทรมานจากการรอคอย มันยิ่งเศร้าและเจ็บปวด
.
จดหมายฉบับนี้ขอส่งถึงคุณ เพราะเชื่อว่าหน่วยงานในประเทศนี้ ต่างรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าต้องทำยังไงให้คุณไม่ใช่ศพนิรนาม ต้องรวมฐานข้อมูลศพนิรนามทั้งประเทศให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน ให้ญาติคนหายเข้าถึงการเก็บดีเอ็นเอ ตรวจเทียบได้ง่าย และรัฐควรมีสุสานของตัวเองในการฝังศพนิรนาม
.
เขียนจดหมายฉบับนี้จากหัวใจ
หวังว่าวันหนึ่งคุณจะได้กลับบ้าน
.
มูลนิธิกระจกเงา
6 กันยายน 2565

Share Button