ภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยสาวจิตเวชวัย 18

“เราใช้เวลา 20 ชั่วโมง ในการให้ความช่วยเหลือหญิงสาวอายุ 18 ปีคนนี้”
.
หลังจากที่มีการแจ้งมาทางเพจของมูลนิธิกระจกเงา แอดมินเพจที่ตื่นเช้ามาก ส่งข้อความมายังทีมงานโครงการผู้ป่วยข้างถนน โครงการที่ทำงานเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในพื้นที่สาธารณะ แอดมินส่งข้อความมาตอนตี 5 ของวันศุกร์ที่ 19 แอดมินเพจระบุความเห็นว่าเราน่าจะต้องให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนดังกล่าว ทีมงานผู้ป่วยข้างถนนเมื่อดูคลิปนี้ในTikTok ก็ประเมินในเบื้องต้นว่า เธอน่าจะมีอาการจิตเวช จากพฤติกรรมที่ผิดปกติ รวมถึงเมื่อไล่ดูคอมเมนต์ก็พบว่ามีคนเห็นเธอในหลายที่ และเห็นเธอในพฤติกรรมที่ไม่ปกติ เราจึงเห็นตรงกันว่าควรให้ความช่วยเหลือ และเป็นการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
.
ความต้องเร่งด่วนนั้นเกิดจากอายุที่น้อยมากของเธอ ความเป็นผู้หญิง พฤติกรรมที่เราประเมินว่าไม่น่าจะดูแลตัวเองได้ เสี่ยงอย่างมากต่ออันตรายต่างๆ
.
เพราะก่อนที่จะมีโครงการผู้ป่วยข้างถนนเกิดขึ้น ย้อนไป 10 กว่าปีก่อน แถวออฟฟิศของมูลนิธิกระจกเงา เราเคยเจอผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอาการจิตเวชชัดเจน เธอเดินตามท้องถนน ถอดเสื้อผ้าบ้าง ใส่เสื้อผ้าบ้าง เราเห็นเธออยู่ประมาณ 1 ปี แล้วมีวันหนึ่งในหน้า1ของหนังสือพิมพ์ เราพบว่ามีข่าวพาดหัวว่า มีผู้หญิงเร่ร่อนคนหนึ่งคลอดลูกที่ข้างถนน เรารู้ทันทีว่านั้นคือเธอที่เราได้เพียงแต่มองเห็นแต่ไม่ได้ทำอะไร จากวันนั้นมูลนิธิกระจกเงาจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับใครอีก เราจึงมีโครงการผู้ป่วยข้างถนนขึ้นมาหลังจากนั้น
.
กลับมาที่เธอคนนี้ เราเริ่มประชุมกันเพื่อวางแผนในการให้ความช่วยเหลือ เราเริ่มต้นจากการประชาสัมพันธ์เพื่อขอรับข้อมูล พิกัดที่คนได้เจอเธอ ทางศูนย์ข้อมูลคนหายได้ทำการเช็กการแจ้งคนหาย แต่ก็ไม่พบว่ามีการแจ้งการหายเข้ามาแต่อย่างใด เมื่อได้พิกัดที่มีคนพบเห็นเธอ เราเริ่มต้นลงพื้นที่ เรากำหนดพื้นที่ไว้สามพื้นที่หลักๆ ตามการแจ้งที่มีมูลมากที่สุด แต่ในระหว่างการลงพื้นที่ที่สอง มีผู้แจ้งติดต่อเข้ามาว่าเขาพบเธอล่าสุดตอน 4 โมงเย็น เมื่อเช็กข้อมูลว่าใช่เธอแน่ๆ ทีมงานจึงลงพื้นที่เพื่อไปทำการติดตาม แต่ระหว่างทาง ทีมงานเช็กกับผู้แจ้งอีกครั้ง ผู้แจ้งๆ ว่าไม่พบเธอในพื้นที่เดิมอีกแล้ว
.
แต่ไม่นานเกินรอ มีผู้แจ้งอีกคน ที่บอกว่าเพิ่งพบเห็นเธอเมื่อสักครู่ ผู้แจ้งส่งภาพมาให้เราตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นเธอจริงๆ หลังจากนั้นเราจึงประสานไปทาง สน.จรเข้น้อย เพื่อให้ทางตำรวจส่งสายตรวจมาเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อตำรวจไปถึง พบว่าเธอกำลังขึ้นรถสองแถวไปแล้ว ขึ้นรถไปก่อนที่ทางทีมงานผู้ป่วยข้างถนนจะไปถึงไม่ถึงนาที สายตรวจจึงขับมอเตอร์ไซค์ตามและทำการดักรถสองแถวคันนั้น และไปทำการเชิญตัวเธอลงมา เธอไม่ขัดขืนอะไร หลังจากนั้นจึงประสานรถพยาบาลเพื่อนำส่งเธอไปยัง สถานบำบัดรักษาโดยทันที
.
เรามองดูนาฬิกาอีกครั้งเมื่อแพทย์รับเธอเป็นผู้ป่วยใน เป็นเวลาตี 1 ของอีกวัน
จากตี 5 ถึงตี 1 ของอีกวัน มันคือ 20 ชั่วโมง เป็นเวลาที่เราไม่อยากให้เกินไปกว่านั้น
20 ชั่วโมงที่พลังแห่งโลกออนไลน์แสดงตัวว่ามีอยู่จริง
เราน่าจะเชื่อเหมือนกันว่า “มนุษย์ไม่ควรตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้”

———————————————-

แจ้งเมื่อพบผู้ป่วยข้างถนน หรือปรึกษาเมื่อพบปัญหาผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่สามารถเข้าสู่การรักษามาได้ที่ เพจ โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา
.
สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB

Share Button

“ตั๋วหนังบริจาค” หนึ่งในความสุขของสองชายสู้ชีวิต

หัวค่ำคืนวานก่อนหนัง ONE PIECE เข้าฉาย 1 วัน
เราได้รับข้อความจากผู้บริจาคว่า
เขาซื้อตั๋วหนังผิดวันผิดรอบ
จึงขอส่งต่อมันเพื่อให้มูลนิธิใช้ประโยชน์ต่อไป
พร้อมกับส่งภาพสำหรับสแกนรับตั๋วมาให้
.
รายละเอียดในภาพระบุเป็นตั๋วแบบ VIP
มูลค่า 2 ใบ 600 บาท
หนังเข้าฉายวันนี้ รอบบ่ายสองโมง
.
กระจกเงาเรามีชายสองคน
คนหนึ่งคือ “บ๊วย” เขากำลังต่อสู้กับโรคไบโพล่าร์
และเขาเหมือนเด็กตั้งแต่เริ่มป่วย
.
อีกคนเราเรียกเขาว่า “เอ แรมโบ้”
เป็นอดีตคนไร้บ้าน เร่ร่อนตั้งแต่ยังเด็ก
จนถึงวันนี้เขายังคิดว่าตนเองเป็นเด็กคนหนึ่ง
.
บ่ายสองวันนี้ เรายินดีให้คนทั้งคู่นี้หยุดงาน
พร้อมกับป๊อบคอร์น และแป๊บซี่คนละชุด
เพื่อมีความสุข กับ One Piece Film RED
ที่ผู้บริจาคมอบให้นี้
.
กระจกเงารับบริจาคสิ่งของทุกประเภท
และเรายินดีจัดการส่งต่อสิ่งเหล่านั้น
อย่างมีคุณค่า และประโยชน์สูงสุด
.
#มูลนิธิกระจกเงา

Share Button

ลงพื้นที่เกณฑ์ “คนไร้บ้าน” ทำงานเพื่อมีบ้าน

“ค่ำคืนวันพฤหัส​ที่ผ่านมา”
.
จ้างวาน​ข้า​ลงพื้นที่ไปทำการรับสมัครงาน​​คนไร้บ้านที่ราชดำเนิน​ มีคนไร้บ้านสนใจสมัครทั้งหมด 11 คน​ และมีคนมีบ้านที่อยู่ในวัยผู้สูงอายุ​อีก 5 คน​ พวกเขามารับข้าวแจกฟรีเช่นเดียวกับคนไร้บ้าน​ เป็นความยากจนระดับเดียวกับคนไร้บ้าน​
.
ต้นทุนเดียวที่พวกเขามีมากกว่าคงเป็นตัวที่อยู่อาศัย​นั่นแหละ​ หลายคนที่มีที่อยู่อาศัยอยู่นั้นก็นับเป็น​ภาระ​ แต่ต้องแบกมันไว้ให้ได้​ ต้องแบกไว้เพื่อให้สามีพิการได้อยู่​ ต้องแบกไว้เพื่อให้ลูกที่พิการได้อาศัย
.
คนไร้บ้านหลายคนที่มาสมัครมีความกล้าๆ กลัวๆ กลัวว่าตัวเองแก่เฒ่าเกินกว่าจะทำงาน​ หรือก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกหลอกลวงหรือไม่​ หลอกลวงจากความกระหายงาน​ หลอกลวงบนความฝันความหวังเหมือนๆ ที่เคยผ่านมา
.
ลุงคนไร้บ้านใกล้ๆ กันนั้นช่วยอธิบายแทนเรา​ ให้คนไร้บ้านที่กล้าๆ กลัวๆ จะเข้ามาสมัครกับจ้างวานข้า​ ลุงคนนั้นบอกเล่าว่า​ “ไปสมัครเลย ไม่ต้องกลัวหรอก​ เพื่อนผมไปทำงานอยู่กับจ้างวานข้ามูลนิธิ​กระจกเงา​นี่ล่ะ​ เขาไม่หลอกนะ​ เพื่อนผมได้ทำงานจริง​ ตอนนี้เพื่อนผมมีห้องเช่าแล้ว​ แต่ผมแก่มากแล้ว​ ไม่มีแรงทำงานอะไรแล้ว”
.
เมื่อคนไร้บ้านคนนั้นได้ยินเรื่องเล่าแบบนั้น​ เขารีบเดินมาขอสมัครทำงานกับจ้างวานข้าอย่างกระตือรือร้น​ วันนั้นมีคนมาสมัครงาน​กับจ้างวานข้า 16 คน​ 11 คนเป็นคนไร้บ้าน​ อีก 5 คนเป็นคนมีบ้าน​ พวกเขาอยากมีรายได้ที่พอจะให้ชีวิตไปได้ดีกว่านี้​ ไม่ต้องมารอขอรับข้าวที่ราชดำเนิน​เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา
__________________
สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB
Share Button

ห้องเช่าของ 4 ชีวิตที่เคยไร้บ้าน

ห้องเช่า​ 4 ห้องรวดที่​คนไร้บ้าน​ 4 คนเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของพร้อมกัน
.
มี 1 คน​ ที่อยู่ไร้บ้านมากกว่า​ 10 ปี​ แต่หาโอกาส​ไม่ได้ซักที​ที่จะมีห้องของตัวเอง
.
มีอยู่ 1 คน​ ที่เพิ่งไร้บ้านมาน้อยกว่า 1 ปี​ แต่หาโอกาส​ไม่ได้ซักที​ที่จะมีห้องของตัวเอง
.
นอกจาก 4 คน​นี้​ ยังมีคนไร้บ้านอีก 2 คนในวันนี้ที่เพิ่งได้ห้องเช่าใหม่
.
โดยสรุป​ จ้างวานข้าเรามีคนไร้บ้านเพิ่มอีก​ 6 คนที่สามารถไปมีห้องใหม่ได้ในรอบ​ 2 เดือนที่ผ่านมานี้
.
งานจ้างวานข้าคือโอกาส​ที่ว่านั้น​ คือตัวช่วยให้พวกเขาพ้นผ่านชีวิตข้างถนนออกไปได้
.
“งานและรายได้” เป็นสิ่งที่คนไร้บ้านมักบอกแบบตะโกนให้ได้ฟังอยู่เสมอ​ ถ้าคำถามนั้นถามออกไปว่า​ “คุณต้องการอะไรที่สุด”
.
จ้างวานข้าออกแบบมาเพื่อรับใช้คำตอบนั้นของคนไร้บ้าน

____________________

สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB

Share Button

จากคนไร้บ้านสู่ “เด็กฝึกงานอาวุโส”

“เด็กฝึกงานอาวุโส”
เมื่อหลายเดือนก่อน หญิงชราตกงานคนหนึ่ง เลือกใช้ชีวิตเร่ร่อนข้างถนนแบบเต็มตัว ก่อนหน้านี้เธอเดินกะเผลกพร้อมไม้เท้าเพื่อพยายามหางานทำ ทุกที่ที่ไปไม่ตอบรับเพราะข้อจำกัดทั้งอายุและร่างกายพิการ
.
4 เมษายน ที่ผ่านมา เราชวนเธอทำงานชรารีไซเคิลคัดแยกขยะพลาสติก เธอตอบรับทั้งที่ไม่รู้ละเอียดการทำงานมากนัก ขอแค่มีงานให้ทำ ส่วนชีวิตที่เหลือเธอบอกว่างานจะช่วยจัดการให้เธอได้เอง
.
วันนั้นมีคนทำงานคัดแยกขยะพลาสติกอยู่ก่อนแล้ว 1 คน เธอเข้ามาเป็นคนที่ 2 เธอเรียกตัวเองว่า ‘เด็กฝึกงาน’ เพราะเธอรู้ตัวว่าไม่มีพื้นฐานและยังต้องเรียนรู้งานใหม่อีกหลายจุด
.
เด็กฝึกงานที่อายุเท่าพนักงานอาวุโส จะนั่งตรงเก้าอี้พลาสติกประจำตำแหน่ง เรียง ขวด แผ่นซีดี ไม้แขวนเสื้อไว้รอบตัว พยายามจดจำรายละเอียดทุกขั้นตอน ทุกประเภท ในการคัดแยก หากอันไหนจำยากเกินกำลังสมอง เธอจะฟังด้วยหู และแยกจากเสียงตอนบีบพลาสติกชนิดต่างๆ แทน
.
ไม่ใช่แค่จดจำวิธีการ เธอมักชอบถามที่มาที่ไป อยากรู้จุดหมายของงานที่กำลังทำ
.
“การที่ให้เราคัดแล้วส่งไปรีไซเคิล จุดหมายมันไม่ได้อยู่ที่เราทำงานได้เงินอย่างเดียวแล้ว เราได้ทำบ้านเมืองให้มันสะอาด ยิ่งต้องเก็บให้ดี แยกให้ดี อย่าให้มันมั่วรวมกัน”
.
“ความสุขตอนนี้ คือการได้ตื่นมาทำงาน เราให้กำลังใจตัวเองว่าสู้ๆ มาเยอะ ก่อนจะมาทำงานตรงนี้เคยเร่ร่อนนอนป้ายรถเมล์ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ เรายังมีสองมือ ยังมีสามขา(ไม้เท้า) ถึงขาที่สามจะเป็นอุปสรรคก็ต้องอยู่ให้ได้ พยายามยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้มาตลอด”
.
สกิลการทำงานของเธอพัฒนาจากอาวุโสฝึกงานเป็นชรารีไซเคิลเต็มตัว มีเงินเช่าบ้าน มีรายได้ซื้อถั่วงากินบำรุงสุขภาพ มีเงินก้อนหนึ่งพร้อมไปผ่าตัดรักษาขา และ ‘รู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง’

——————————————
บังเอิญ บรรเลงพิณ อดีตคนไร้บ้านวัย 68 ปี
——————————————

โครงการชรารีไซเคิล รับบริจาคขยะพลาสติก
เพื่อช่วยคนชราตกงาน ให้มีงาน มีรายได้
งานที่ว่านั้น คืองานคัดแยกขยะพลาสติก
เพื่อเปลี่ยนขยะ ให้กลายเป็นสิ่งของ
ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
.
บริจาคขยะพลาสติกได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 191 ซอยวิภาวดี 62 (แยก 4-7)
ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน
เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
โทร.061-909-1840

Share Button

จัดการขยะอย่างมีคุณค่า “จ้างวานข้า จ้างวานเคลียร์”

“เรารับจ้างจัดการขยะ”
.
คนไร้บ้าน คนจนเมือง มักคุ้นกับขยะอยู่ไม่น้อย
เขารู้ว่า ขยะคือเงินทองรายได้
เขารู้ว่า ขยะนั้นต้องถูกจัดเก็บคัดแยกอย่างไร
.
แม้รู้ว่า ขยะคือเงินทองคือรายได้ แต่เขามักได้รายได้จากขยะไม่ถึง 1 ร้อยบาทต่อวัน
.
“จ้างวานข้า จ้างวานเคลียร์” จึงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เรารวบรวมคนเก่งเหล่านี้มารวมตัวกัน แล้วจัดเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อประสิทธิภาพการทำงานและเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน มีระบบการทำงาน และรับงานการจัดการขยะตามงานอีเวนท์ต่างๆ
.
พวกเขาจะได้ใช้ความเก่งของตัวเอง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พวกเขาจะได้รายได้
มากกว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเกือบ 1 เท่าตัว
พวกเขาสามารถใช้รายได้ที่ได้มาจากงานนี้
พลิกฟื้นชีวิตตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
.
เรารับงานจัดการขยะ
จ้างพวกเราได้ที่ เฟซบุ๊ค
Share Button

“บ้านบริจาค” ปูทางสู่สิทธิ์ของคนไร้บัตร

8 ปีที่แล้ว ‘ป้าอ๋อย’และสามีเคยมีกินมีใช้
จากอาชีพขายพระเครื่อง
จนวันที่พิษเศรษฐกิจรุมเร้า
ทั้งคู่จึงตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตไร้บ้าน
.
สามีอายุราว 50 ต้นๆ ได้ทำงานรับจ้างอยู่บ้าง
ส่วนตัวป้าอ๋อยที่อายุ 70 หางานยากกว่า
เพราะความสูงวัยและบัตรประชาชนที่สูญหาย
เป็นเหตุผลให้ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงาน
.
เงินรับจ้างจากสามีจึงเป็นแรงหลัก
ให้ชีวิตไร้บ้านของทั้งคู่พอมีข้าวตกถึงท้องเรื่อยมา
.
แต่แล้ววันหนึ่งป้าอ๋อยล้มป่วยลง
เส้นเลือดสมองอุดตันส่งผลร้าย
เธอเดินไม่ได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
การไม่มีบัตรประชาชนทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ
ในระบบประกันสุขภาพฯ
เธอทำได้เพียงนอนรักษาบนพื้นฟุตบาท
ที่สูงจากพื้นถนนไม่มากนัก
.
ความเจ็บปวดจากการเจ็บป่วย
เริ่มเล่นงานชีวิตทั้งสองชีวิต
ร่างกายของป้าอ๋อยเริ่มแย่ลง
สามีดูแลเธอข้างกายด้วยความรัก
ด้วยความเป็นห่วง เขาไม่สามารถทิ้งป้าอ๋อยไว้
เพื่อออกไปทำงานที่ไหนได้อีก
.
ยิ่งกว่านั้น การเป็นคนไร้บ้าน
ได้ตัดโอกาสการทำบัตรประชาชนใหม่
เพราะป้าอ๋อยไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านหลังใด
มีทรัพย์สินแค่ผืนผ้าใบที่คนแถวนั้นให้ยืมใช้
กันแดดฝนไปเป็นครั้งคราว
__________________________________

มาวันนี้ เรื่องราวความทนทุกข์
จากการไม่ได้รับสิทธิของป้าอ๋อยและสามีจบลงแล้ว
โครงการคลีนิกกฎหมาย มูลนิธิกระจกเงา
ดำเนินการย้ายชื่อป้าอ๋อยที่เป็นผู้ป่วยและสามี
เข้าอยู่ในทะเบียนบ้านหลังหนึ่ง
บ้านที่มูลนิธิกระจกเงาได้รับบริจาคมา
จากผู้ที่ต้องการให้บ้านเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้อื่น
.
และมันกำลังทำประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง
เพราะบ้านหลังนี้จะเป็น
‘ทะเบียนบ้านมูลนิธิกระจกเงา’
ที่ช่วยเรียกร้องสิทธิ
ให้เพื่อนมนุษย์ไร้บ้านอีกจำนวนมาก
ไม่ตกหล่นจากการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ
ที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
.
เช่นเดียวกับที่ทะเบียนบ้านหลังนี้
ช่วยให้ป้าอ๋อยมีบัตรประชาชน
มีสิทธิการรักษาขั้นพื้นฐาน
ได้รับทุกสิทธิสวัสดิการของผู้ป่วยกลับคืน
.
และล่าสุด จ้างวานข้ารับเธอกับสามีเข้าสู่การจ้างงาน
ประจำในหน้างานคัดแยกสิ่งของบริจาค
มีงาน มีอาชีพ มีสิทธิสวัสดิการอย่างมีคุณค่า
ให้ทั้งคู่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยสมบูรณ์
__________________________________

ติดต่อคลินิกกฎหมาย มูลนิธิกระจกเงา
ได้ที่ 083-771-7769
.
สนับสนุนคลินิกกฎหมายได้ที่
บัญชีคลินิกกฎหมาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขบัญชี 202-270402-2 ธ.ไทยพาณิชย์

Share Button

เสียงสะท้อนจากคนไร้บ้านสู่การสร้าง “สดชื่นสถาน”

“ผมหาซักเสื้อผ้าตามห้องน้ำปั๊มน้ำมัน​ หาที่ตากก็ยาก​ หลายครั้งก็จำใจใส่เสื้อทั้งๆ ที่เปียกๆ นั่นแหละ​ ให้เสื้อมันแห้งคาตัวกันไป”
.
จากประโยคนี้ของคนไร้บ้าน​ จึงนำมาสู่การให้บริการ​ซักผ้า​ อบผ้าฟรี​ โดยรถซักอบอาบคันนี้
.
“พวกเราขออย่างเดียวเลยที่สำคัญที่สุด​ ผมอยากอาบน้ำ​ ไปอาบที่ไหนเขาก็ด่าเขาก็ไล่​ ถ้าพี่มีที่ให้อาบก็จะดีมากๆ”
.
จากประโยคนี้ของคนไร้บ้าน​ จึงนำมาสู่การให้บริการ​อาบน้ำฟรี โดยรถซักอบอาบคันนี้
.
“เราอยากทำงาน​ อยากมีงาน​ทำ​ มีเงินจะได้ออกจากชีวิตเร่ร่อนแบบนี้​ซักที”
.
จากประโยคนี้ของคนไร้บ้าน​ จึงนำมาสู่การเปิดรับสมัครงานในนามจ้างวาน​ข้า ในพื้นที่เดียวกับรถซักอบอาบคันนี้
.
คนไร้บ้านยังมีปัญหา​อีกมากที่ต้องได้รับการแก้ปัญหา​ คนไร้บ้านอีกมากยังมีความต้องการอีกหลายสิ่งหลายอย่าง​ เพื่อจะนำไปสู่การปรับปรุง​คุณภาพ​ชีวิต​ของพวกเขาเอง
.
จากหลักการนี้เราจึง​จัดทำพื้นที่หนึ่ง​ เพื่อให้คนไร้บ้านได้เข้ามารับบริการ​ และบริการที่ได้รับนั้นมันนำไปสู่การปรับปรุง​คุณภาพ​ชีวิตของตัวเองได้​ และถ้าดีกว่านั้นได้​ คือการที่เขาสามารถ​เปลี่ยนผ่านจากชีวิตไร้บ้านมาเป็นคนมีบ้านได้​ และเราจะขอใช้ชื่อเรียกพื้นที่นี้ว่า​ “สดชื่น​สถาน”
.
“สดชื่นสถาน” เปิดให้บริการแล้วที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า​ ถนนพระอาทิตย์​

ปล.รูปภาพประกอบไม่ใช่ท่านผู้ว่าฯแต่อย่างใด​ แต่คือคนไร้บ้านที่มาใช้บริการซักอบผ้าเป็น​ที่เรียบร้อย​

มูลนิธิ​กระจกเงา​xOtterixกรุงเทพ​มหานคร

——————————————

สนับสนุนการปรับปรุง​คุณภาพ​ชีวิต​ของคนไร้บ้าน
​กับ​ “สดชื่นสถาน” นี้ได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB

Share Button

“สดชื่น​สถาน” พื้นที่นี้เพื่อคนไร้บ้าน

คนไร้บ้าน​ คือคนที่ออกมาจากบ้าน​ การออกมาจึงเป็นเรื่องเลวร้าย
.
แต่การ​ออกมาอีกเช่นกันที่นับเป็นเรื่องดี​ คือการออกมาจากความเป็นคนไร้บ้านนั่นเอง
.
เรามี “จ้างวาน​ข้า” ที่ทำให้เขาออกจากชีวิตไร้บ้านได้โดยการสร้างพื้นที่ทำงานและมีรายได้
.
ตอนนี้​เรามี​ “สดชื่น​สถาน” ที่มีไว้เพื่อปรับปรุงคุณ​ภาพชีวิตคนไร้บ้าน เป็นพื้นที่ตระเตรียม​ก่อนที่พวกเขา​จะออกไปจากชีวิตไร้บ้านเสียที การตระเตรียมนั้นคือ​ การให้เขาสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิต​ประจำ​วันอย่างมีคุณภาพ​มากขึ้น​ ผ่านการทำความสะอาด​ การรักษา​สุขอนามัย​ เรามีบริการซักผ้า​ฟรี อบผ้าฟรี​ อาบน้ำฟรี​ เป็นบริการ​พื้นฐาน​ และต่อไปในอนาคต​เราจะขยายการให้บริการ​อื่นๆ​ เช่น​ อาหาร​ เสื้อผ้า​ รวมถึงเป็นพื้นที่ส่งต่อพวกเขาเข้าสู่กระบวนการ​แก้ไขปัญหา​ในเรื่องอื่นๆ​ ที่มันรัดตรึงเขา​ เป็นเชือกเส้นใหญ่ที่มัดเขาไม่ให้พ้นจากชีวิตไร้บ้านโดยง่าย​ และเมื่อเขาพร้อมแล้ว​ เราจะพาเขาออกไปจากชีวิต​ไร้บ้านอย่างยั่งยืน​ ด้วยพื้นที่ทำงานที่เราเรียกมันว่าจ้างวานข้านั่นเอง

__________________

มูลนิธิ​กระจกเงา​xOtteri เราจะเปิดบริการ​ให้กับพี่น้องคนไร้บ้านทุกวันศุกร์ของสัปดาห์​ ที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า​ ถนนพระอาทิตย์​
.
สนับสนุนกระบวนการพาออกจากภาวะไร้บ้านนี้ได้ที่​ โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB

Share Button

สะท้อนปัญหาของรัฐผ่านวงจรชีวิต “ผู้ป่วยจิตเวช”

10 กว่ารอบได้แล้ว ที่เคสนี้วนเวียน​เข้าออกระหว่างข้างถนนและโรงพยาบาล​จิตเวช
.
10 กว่าเหตุ ที่เคสนี้ก่อขึ้นและตำรวจต้องมาควบคุม​ตัวนำส่งโรงพยาบาล
.
เหตุที่เคสนี้ก่อขึ้น​ มีตั้งแต่สร้างความวุ่นวาย​ เช่น​ ตะโกน​โวยวาย​ ด่าว่าผู้คน​ ทำลายข้าวของทั้งสาธารณะ​และของเอกชน​ เดินกลางถนน​ กระโจนเข้าหารถ​ อึฉี่กลางพื้นที่สาธารณะ​ ล่าสุดคือกระโดด​ไปหน้ารถพยาบาล​และไปหักที่ปัดน้ำฝนของรถ​
.
จากข่าวเคสนี้รับการรักษา​อยู่ที่โรงพยาบาล​จิตเวช​ และตำรวจ​ สภ.ที่คุ้นเคย​กับการนำส่งเคสไปโรงพยาบาล​ ก็ยังออกปากออกมาว่า​ “รักษา​แล้วเดี๋ยวก็กลับมาวุ่นวายที่ข้างถนนอีก​เหมือนเดิม อีกทั้งทาง รพ. ไม่มีแผนกับเคสนี้อย่างชัดเจน​ ด้วยเป็นเคสเร่ร่อน ไม่มีญาติ ทำให้ต้องเกิดการนำส่งแบบนี้อยู่หลายครั้งเลย “ออกมาอีกพวกผมก็เอาตัวเข้าโรงพยาบาล​ซ้ำอีกนั่นแหละ​”
.
ตามเนื้อหาข่าว​ เคสนี้เกิดเหตุ​ขึ้นที่​ อ.หาดใหญ่​ จ.สงขลา​ เราได้มีโอกาส​พูดคุยกับตำรวจที่รับผิดชอบในการนำส่งเคสเข้าโรงพยาบาล​ ตำรวจให้ข้อมูล​ว่า​ การวนเวียน​เข้าออกระหว่างข้างถนนกับโรงพยาบาล​ของเคสนับ 10 ครั้งได้นั้น​ เกิดขึ้นในช่วงเวลา 3-4 เดือนของปี​ 2565 นี้เอง​
.
ก่อความวุ่นวาย​ –> นำส่งรักษา​–> รักษา ​–> ออกจากรพ. –> เร่ร่อน –> ก่อความวุ่นวาย –>
.
ถามว่าจะทำอย่างไรที่จะตัดวงจรนี้ได้​ ขั้นตอนสำคัญ​ที่ต้องทำให้ได้นั่นคือ​ หลังจากที่สิ้นสุดการรักษา​การนำเข้าสู่ระบบ​การฟื้นฟูจึงสำคัญ​ เป็นความสำคัญ​ แต่ก็ไม่ถูกให้ความสำคัญ​สักเท่าไหร่จากรัฐ​
.
รัฐไม่ให้ความสำคัญ​อย่างไร​บ้าง​ สถานฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวช​โดยตรงที่เป็นของรัฐมีอยู่ 2 แห่งเท่านั้นทั้งประเทศ​ คือสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถีชาย, หญิง​ ซึ่งคนเต็มแน่นรอคิวเข้านับร้อยคิว​ สถานที่ฟื้นฟูที่รองลงมาคือ​ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง​ มีทั้งหมด 11 แห่งทั่วประเทศ​ แต่ปัญหาร่วมของสถานสงเคราะห์​ทั้ง 11 แห่งนี้คือ​ ไม่มีกระบวนการดูแลผู้ป่วยจิตเวช​อย่างเป็นระบบ​ ในหลายสถานฯ​ ไม่มีนักจิตวิทยา​อยู่สักคนเดียว​ ซ้ำร้ายทุกที่ทุกแห่งอยู่ในสภาพที่คนรับบริการล้นแน่นระบบการดูแลฟื้นฟูไปหมดแล้ว​
.
เรามี​ข้อมูลอยู่​ว่า​ มีเคสในลักษณะเดียวกัน​นี้อยู่ไม่น้อย​ ใช้ชีวิต​เร่ร่อนด้วยอาการ​จิตเวช​อยู่ที่ข้างถนน​ และวนเวียนเข้าออกระหว่างข้างถนนกับโรงพยาบาล​จิตเวช​เหมือนกับเคสนี้​
.
ประเด็นสำคัญ​ของบทความนี้คือ​ การจะตัดวงจรของผู้ป่วยจิตเวช​ที่สลับเข้าออกระหว่างข้างถนนกับโรงพยาบาล​จิตเวช​ได้นั้น​ กลไกสำคัญ​คือระบบการฟื้นฟู​ ซึ่งเราคิดว่ารัฐต้องให้ความสำคัญ​ที่มากกว่า​ที่เห็นและเป็นอยู่อย่างมากมายนัก

โครงการ​ผู้ป่ว​ยข้าง​ถนน​ มูลนิธิ​กระจกเงา​
Cr.ข่าวสด
รายละเอียด​ข่าว : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7113583

Share Button