ทุกครั้งที่พบคนเร่ร่อน เธอจะนึกถึงลูกชายที่หายไป

“บ้านที่อยู่ตอนนี้ เคยเป็นบ้านของแม่ แต่ตอนโจ้โดนจับ แม่เอาบ้านไปจำนอง เพื่อสู้คดี เราไม่มีเครดิตอะไร เลยต้องไปจำนองกับพวกเงินกู้นอกระบบ เขาให้เวลาปีเดียว เราไม่มีเงินไปคืน สุดท้ายบ้านโดนยึด กลายเป็นตอนนี้แม่เช่าบ้าน ที่เคยเป็นของตัวเองอยู่”
.
“ตอนนั้นโจ้เป็นวัยรุ่น เขาไปทำงานกับน้าที่กรุงเทพฯ แล้วคนมีเรื่องกัน โจ้อยู่ตรงนั้นพอดี คนมีเรื่องเขาโยนปืนมาให้โจ้ ด้วยความที่เขาซื่อๆ ก็เก็บปืนไว้ แล้ววันนั้นเขาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล พยาบาลเห็นโจ้มีปืนติดตัว เลยแจ้งตำรวจมาจับ”
.
“โจ้รับสารภาพ เขาไม่เคยมีประวัติคดีอะไรมาก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติ ก็ไปไม่เคยขาด อยู่ๆ ตอนนั้นมีตำรวจมาบอกว่า คสช.เขามีคำสั่งกวาดล้างคดีปืน คดีมีการอุทธรณ์ เขาพามาขึ้นศาลโจ้โดนตัดสินจำคุกหนึ่งปีหกเดือน ก็เข้าเรือนจำวันนั้นเลย”
.
🎶อยากให้เธอ อยู่อย่างนี้ ตลอดไป อยู่อย่างนี้กับฉัน ไม่ต้องจากกันได้มั้ย🎶”โจ้ชอบร้องเพลงท่อนนี้ของเพลง “สู้เพื่อรัก” ของ หลง ลงลายให้แม่ฟัง โจ้ชอบเล่นกีต้าร์ร้องเพลง เขาเป็นคนไม่สุงสิงกับใครตั้งแต่เด็กๆ เขาจะชอบมากอดมาหอมแม่ ไม่เกเรอยู่ติดบ้าน”
.
“ตอนเขาติดคุกที่กรุงเทพฯ แม่ไปเยี่ยมเขาครั้งแรก บอกเขาให้ทำตัวให้ดี อดทนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว เขายังปกติดีอยู่ แต่พอแม่ไปเยี่ยมครั้งต่อๆมา เหมือนเขาผิดปกติ นั่งเหม่อลอย สายตาเขาไม่เหมือนเดิม ถามซ้ำๆว่าแม่มายังไง มากับใคร แม่รู้เลยว่าเขาไม่ปกติแล้ว หรือว่าเขาไปโดนอะไรมาในคุก”
.
“โจ้ติดคุกจริงแค่ 6 เดือน ทุกครั้งที่แม่ขึ้นไปเยี่ยมเขา จะฝากเงินไว้ให้ตลอด พอวันปล่อยตัว เขามีเงินเก็บ 6,000 บาท เพราะเขาไม่ใช้อะไรเลย บอกว่าไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะในนั้นมีข้าวให้กินฟรี ตอนออกมาเขายังแจกเงินคนที่ไม่มีญาติมาเยี่ยม โจ้เป็นคนจิตใจดี เขาชอบเก็บหมาเก็บแมวตามข้างทางมาเลี้ยงที่บ้าน บางวันแม่ทำแกงหม้อใหญ่ เขาก็ตักไปแจกคน”
.
“หลังออกจากคุก แววตาโจ้เปลี่ยนไปมาก จากเคยร่าเริงเป็นเซื่องซึม บางวันพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว พาเขาไปโรงพยาบาล หมอบอกว่า เขาถูกกระทำบางอย่างที่กระทบกระเทือนอย่างหนัก ตอนนี้แม้จะอายุยี่สิบแต่สมองเขาเหมือนเด็กประถม ก็รักษาเขา กินยาจิตเวชต่อเนื่อง”
.
“จนวันหนึ่ง ยายเขาเป็นคนพูดเสียงดัง โจ้ตกใจวิ่งไปตบยาย แม่รีบวิ่งไปล๊อคคอเขา เขาก็ตบโดนแม่ ตะโกนพูดคนเดียว ว่า “ทรยศ ทรยศ” แม่ค่อยๆบอกเขาว่านี่ คือแม่นะ แม่กอดเขานะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านเรา ไม่ได้อยู่ที่คุก เขาค่อยๆ พูดว่า “อยู่บ้านๆ”แล้วหัวเราะออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่เจ็บปวดมาก ลูกเราติดคุก 6 เดือนแต่เขาโดนอะไรมาบ้าง ถึงเปลี่ยนเป็นคนละคน”
.
“ก่อนวันที่เขาหายไป เขายังอ้อนแม่ให้อาบน้ำให้เขา แต่แม่บอกว่าเขาโตแล้วให้อาบเอง พอเขาอาบเสร็จแม่มาแต่งตัวปะแป้งให้เขาเหมือนเด็กๆ พอวันต่อมาเขาก็หายออกจากบ้านไป แม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตามหา ยืมรถยนต์ของเพื่อนออกไปดูตามที่ต่างๆ”
.
“ทุกวันนี้เวลาเจอคนเร่ร่อนจะไปดูว่าใช่ลูกเรามั้ย มันหดหู่ ถ้าโจ้ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่มั้ย แต่ตราบใดยังไม่เจอศพเขา แม่ก็หวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้กลับบ้าน”
——————————————————-
อุมาพร พุทธศรี แม่
สหภาพ พุทธศรี (โจ้) คนหาย
——————————————————-
คนหาย !!!
ชื่อ นายสหภาพ พุทธศรี หรือ โจ้ อายุ 24 ปี
หายจากบ้านที่บ้านเกาะยาว ต.หน้าสตน
อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2563
.
คนหาย สูง 178 ซม. หนัก 80 กก.
ผิวสีขาว-เหลือง ลักษณะผมสั้นฟู ผมสีดำ
มีรอยแผลเป็นตามร่างกาย
.
การแต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ
มีลายสกรีนด้านหลังสีเหลือง
สวมกางเกงขาสามส่วนสีเขียวขี้ม้า
สวมรองเท้าแตะหนีบสีดำสายคาดสีส้ม
.
***สัปดาห์ที่แล้วทีมงานเดินทางมาประสานเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอแม่โจ้ ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเทียบกับศพนิรนามของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม***
——————————————————-
สนับสนุน การพาคนหายกลับบ้าน
บัญชีโครงการศูนย์ข้อมูลคนหาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
SCB 202-258-288-6
Share Button

“พวกเราจะกลับมา” คำสัญญาในความเงียบก่อนเรือยนต์จะขับผ่านไป

“ไปกันเถอะ”
ผมสะกิดบอกพี่ทีมงานอีกคน
เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ไม่ถึงนาที
แทบไม่มีบทสนทนาอื่นเลย
ในห้วงเวลานั้น
.
สายตาพิจารณาภาพตรงหน้า
ใจคิดไปว่า มีคนจำนวนหนึ่งแล้ว
มาพูดคุย สอบถาม แสดงความเห็นใจ
แล้วขับเรือจากไปเหมือนที่เรากำลังจากไป
อะไรจะทำได้ดีกว่านั้นบ้าง
บางทีคำตอบตอนนั้นคือ ไม่มีจริงๆ
.
ความเงียบดำเนินไป
จนพี่คนขับเรืออาสา ตะโกนแซว
บอกชายบนหลังคาบ้านให้ “ชูมือสู้ๆ”
ทั้งชายขับเรือและชายบนหลังคา
รู้จักและตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
คือบ้านจมน้ำถึงชั้นสอง
.
เสียงเรือยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง
พาพวกเราจากไปเพื่อกลับเข้าฝั่ง
มั่นใจว่าจะได้กลับมาบ้านหลังนี้อีก
จะมาพร้อมอาสาสมัครล้างบ้าน
และทีมช่างที่ช่วยซ่อมแซมบ้าน
มันหดหู่แต่ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง
ถ้าถึงวันนั้นเราจะบอกชายคนนี้ว่า
“พวกเรากลับมาแล้ว”

———————————————————

ใครพร้อมช่วยกัน วันที่ 5-6 พ.ย. 2565 นี้
กระจกเงาจัดกิจกรรมอาสาล้างบ้านรุ่นที่ 1
สนใจเข้าร่วม ดูรายละเอียดได้ที่�https://shorturl.asia/YejxB
.
หรือสนับสนุนภารกิจอาสาล้างบ้านและซ่อมบ้าน
ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ
ได้ที่บัญชี กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-258298-3 ธ.ไทยพาณิชย์

Share Button

ความภูมิใจของอดีตลุงไร้บ้าน โปรแกรมการเปลี่ยนผ่านของ “จ้างวานข้า”

วันที่เราไปเยี่ยมแกพร้อมชุดของตั้งต้น (อาหารแห้ง ข้าวสาร พัดลม หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำไฟฟ้า ที่นอน) ณ ที่ห้องเช่าที่ต้องบอกว่าเป็นห้องเช่าใหม่ล่าสุดของแกนั้น จู่ๆ แกก็ส่งเสียงขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีคนถาม แกพูดคล้ายตะโกนบอกกับคนละแวกห้องเช่าว่า “กระจกเงาเขามาเยี่ยมห้องผม เอาของมาให้ด้วย”
.
พวกเรายิ้มเขินๆ กับเสียงกึ่งตะโกนของแก เมื่อมาถึงห้องพัก เรานัดกับเจ้าของห้องเช่าเพื่อจ่ายค่าเช่าห้องเดือนแรกพร้อมกับเงินมัดจำห้องให้กับแก (เราสนับสนุนค่าเช่าห้องแรกเข้าให้กับคนไร้บ้านที่ทำงานกับจ้างวานข้า) เจ้าของห้องพอรู้ว่าเรามาจากกระจกเงา และเราช่วยสนับสนุนค่าห้องเช่า และการงานให้กับคนไร้บ้าน เจ้าของห้องเอ่ยปากบอกกับพวกเราเลยว่า “ป้าไม่เก็บค่าประกันนะ ลดให้เลย”
.
ทั้งๆ ที่ในวันนั้นเราต้องจ่ายค่ามัดจำห้องให้กับคนไร้บ้านถึง 4 ห้องก็ตาม
.
ลุงอดีตคนไร้บ้านที่ดูตื่นเต้นกับห้องใหม่ เริ่มบอกเล่าเรื่องราวตัวเอง “ผมไร้บ้านมารวมๆ แล้ว 5 ปีได้ ก็เข้าๆ ออกๆ จากไร้บ้านบ้าง มีบ้านบ้าง แล้วก็มาไร้บ้านอีก ครั้งแรกที่ไร้บ้านก็ตกงานมาจากงาน รปภ. ก็มานอนในตึกร้างที่ใกล้ๆ กันกับที่ผมเคยมาเป็น รปภ.นั่นแหละ คุ้นพื้นที่ดี ตอนไร้บ้านก็รับจ้างไปเรื่อยนะ คนแถวนั้นใช้ให้ไปทำอะไรก็ทำ”
.
ไร้บ้านมาปีกว่าๆ ได้ จนไปได้งานในโรงงาน ทำงานไปกว่า 10 ปี แต่ก็มีเหตุให้แกก็ต้องตกงานอีกครั้ง แกจึงตัดสินใจมาใช้ชีวิตไร้บ้านอีกรอบ เป็นการใช้ชีวิตไร้บ้านในช่วงปี 59 ปีที่มีงานสวรรคตของรัชกาลที่ 9 พอดี แกได้อาศัยข้าวปลาอาหารในงาน ได้พอเก็บขวดเก็บของเก่าประทังชีวิตไปชั่วคราว ใจก็หวังได้มีงานใหม่ที่มั่นคงพอที่จะพาตัวเองย้ายจากความเร่ร่อนไร้บ้านได้
.
ไร้บ้านรอบนี้อยู่ไปอยู่มาก็ 4 ปีเข้าให้แล้ว งานก็ไม่มีให้ทำมากนัก งานที่มั่นคงยิ่งยากที่จะหาได้ แกจึงตัดสินใจนำตัวเองกลับบ้านไปอยู่กับพี่สาวสักพัก
.
พอปี 2565 แกมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพอีกครั้ง การหางานคือจุดหมาย แกไม่อยากเป็นภาระใคร แกเลือกมานอนไร้บ้านอีกครั้ง ตายเอาดาบหน้ายังใช้ได้กับทุกยุคสมัย
.
เดือนมิถุนายน 2565 จ้างวานข้าเปิดรับสมัครงานที่แถวสนามหลวง ชายไร้บ้านคนนี้เป็นคนนึงที่เดินเข้ามาสมัครงานกับเรา แกเริ่มทำงานในนาม สมาชิกจ้างวานข้า ทำงานไป พิสูจน์ตัวเองไป ทำได้ประมาณ 1 เดือน เราจึงพูดคุยกับแกเรื่องโปรแกรมการเปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่านจากความไร้บ้านมาเป็นคนมีบ้าน แกรับเข้าโปรแกรมนี้อย่างตื่นเต้น
.
“ลุงน่ะอยากมีห้อง ก็พยายามหาที่อยู่มาตลอด เดี๋ยวไปนอนบ้านอิ่มใจ เดี๋ยวไปเช่าห้องรายวัน แต่กับบางคนเราก็ไม่รู้นะที่เขาไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากเช่าห้อง เขาอาจจะเป็นความเคยชิน เขาอยู่ที่โล่งแบบนี้มานาน พอไปอยู่ห้องเขาคงอึดอัด แต่ลุงไม่ใช่ไง ลุงไม่ชอบสภาพแวดล้อม เวลามีเจ้าหน้าที่มาไล่ เพราะต้องหลบขบวนเสด็จ ฝนตกก็ไม่มีที่หลบ ไม่ชอบนักหรอกเวลามีคนด่าเรา จากการที่คนอื่นเขาไปทำสกปรกตรงนั้นตรงนนี้ ไปแซวเด็กผู้หญิง พอคนข้างถนนไปทำไม่ดีแบบนี้ เรานอนข้างถนนก็โดนมองแบบนั้นไปด้วย ก็เป็นแบบที่เขาว่า ปลาตายตัวเดียวเหม็นเน่าทั้งบ่อไปเลย”
.
เมื่อไปเยี่ยมห้องใหม่ของแก เราเลยไม่แปลกใจหรอกว่า ทำไมแกถึงกึ่งตะโกนบอกกับ ผู้คนว่า “กระจกเงาเขามาเยี่ยมห้องผม เอาของมาให้ด้วย”
.
ใช่หรือไม่ว่า แกคงภูมิอกภูมิใจกับชีวิตในตอนนี้อยู่ไม่น้อย
——————————————————-
สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB
Share Button

ความเสียหายหลังน้ำลด ภาระที่หญิงชราต้องแบกรับ

“ก่อนน้ำมา มีคนช่วยขนของขึ้นชั้นสอง ตอนแรกยายก็คิดว่าจะไปกางผ้าใบอยู่ศูนย์พักพิงดีมั้ย ตัวยายก็เดินเหินไม่คล่อง ห้องน้ำก็ไม่สะดวก ไม่รู้จะไปหานอน หากินยังไง ก็ตัดสินใจขึ้นมาอยู่ชั้นสองของบ้านดีกว่า”
.
“ก่อนหน้านี้ อยู่ๆ วันนึงยายเริ่มปากเบี้ยว ก็นึกว่ามีตัวอะไรมาต่อย ก็ถามตาว่า ปากฉันเป็นอะไรมันชาๆ เบี้ยวๆ ดีที่ไปส่งโรงพยาบาลทัน เลยรู้ว่าเป็นเส้นเลือดตีบ ก็รักษาจนดีขึ้นแต่ก็กลายเป็นคนไม่มีแรง ขาเดินไม่ไหว”
.
“ปกติ ลูกจะเอาข้าวเอาน้ำมาส่ง ลูกสาวแต่งงานอยู่อีกหมู่บ้านนึง ก่อนน้ำท่วมก็เป็นแบบนั้น ยายไม่ได้ทำอะไรแล้ว กวาดบ้านตาก็เป็นคนกวาด เพราะยายไม่มีแรง พอน้ำท่วมจะย้ายไปอยู่บ้านลูกสาวก็ไม่ได้ บ้านลูกน้ำท่วมสูงกว่าบ้านยายอีก”
.
“กลัวว่าน้ำจะท่วมขึ้นมาถึงชั้นสอง นอนไม่หลับ นอนได้ 2 ชั่วโมงก็สะดุ้ง ลุกมาดูน้ำทุกวัน ตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ มันผวาตลอด กลัวน้ำก็กลัว กลัวคนก็กลัว กลัวคนมาลักของ มันมีคนมาขโมยของตามบ้าน”
.
“เสียใจที่บ้านน้ำท่วม เสียใจจนไม่รู้จะเสียใจยังไงแล้ว เลี้ยงปลาไว้ในสระ ปลาก็หายไปหมด ไม่ได้เข้าไปดูเลย ต้องปล่อยทิ้งไว้ ข้าวในนากำลังออกรวง ก็จมหมด 8 ไร่ ไม่เหลือเลย”
.
“พอน้ำลด บ้านคงต้องซ่อมอีกหลายอย่าง ตู้เตียงไปหมด ล้างบ้านเองคงไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่มีใครมาช่วย ก็ต้องจ้างเขา ใช้เงินผู้สูงอายุนี่แหละ เงินตากับยายคนละ 700 บาท จะเอาไปจ้างเขามาช่วย ตายายทำเองคงไม่ไหวดอก จะยกมือไหว้สุดศอกเลยถ้ามีคนมาช่วยยายนะลูก”
—————————————————
ยายประมูล อ่างคำหงษ์ อายุ 78 ปี
ผู้ประสบอุทกภัย บ้านหนองกินเพล
อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
—————————————————-
สุดสัปดาห์นี้ กระจกเงาจะล้างบ้านยายประมูล
รวมถึงบ้านผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบางรายอื่นๆ
ในวันที่ 5-6 พ.ย.2565
สนใจลงแรงช่วยยาย ได้ที่
.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์อาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงา
วารินชำราบ อุบลราชธานี
คุณเบญ โทร 065-487-1286
.
หรือสนับสนุนภารกิจอาสาล้างบ้านและซ่อมบ้าน
ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ
ได้ที่บัญชี กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-258298-3 ธ.ไทยพาณิชย์
Share Button

ฟื้นฟูห้องให้ปลอดเชื้อ ล้างบ้านให้ปลอดโคลน กู้สุขภาพคุณยายวัย 73


ทันทีที่ได้รู้ข่าว
ว่าจะมีอาสาสมัครหลายคนมาช่วยล้างบ้านให้
ยายเป เอ่ยปากบอกลูกสาวให้พาออกจากศูนย์พักพิง
เพื่อมารอต้อนรับพวกเราแต่เช้า
.
ยายเป เป็นแม่ใหญ่วัย 73 ปีแห่งบ้านหนองกินเพล
แม่ใหญ่ป่วยออดๆ แอดๆ ด้วยโรคไตเรื้อรัง
และอื่นๆ มานานแล้ว
.
ลูกหลานของยายเป็นชาวไร่ชาวนา
ไร่นาที่น้ำท่วมมิดเช่นเดียวกับบ้าน
ทางการแจ้งว่ากว่าจะได้กลับไปทำนาอีกครั้ง
ก็คงกลางธันวา หรือไม่ก็สิ้นปีโน่นเลย
.
พวกเราตั้งใจเร่งมาล้างบ้านให้ยายทันทีที่น้ำลด
เพราะตั้งแต่ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง
ข่าวว่า อาการป่วยก็ทรงๆ ทรุดๆ เรื่อยมา
.
โรคไตเรื้อรัง ทำให้ยายต้องมีห้องปลอดเชื้อ
ห้องปลอดเชื้อในวันที่เราเข้าไปล้าง
เต็มไปด้วยกล่องยาที่หนีน้ำไม่ทัน
.
ลูกสาวยายบอกว่า ทั้งที่เตรียมยกหนีน้ำไว้แล้ว
แต่น้ำมามากเกินกว่าที่คิดไว้
ยา 40 กว่าลังสำหรับดูแลยาย 3 เดือน
จึงเสียหายทั้งหมด
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา
เราล้างบ้าน และห้องปลอดเชื้อของยาย
ให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง
.
และเป็นวันเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ รพ.สต.
น้ำยาล็อตใหม่ มาให้ยายเช่นกัน
———————————————
สนับสนุนภารกิจอาสาล้างบ้านและซ่อมบ้าน
ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ
ได้ที่บัญชี กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-258298-3 ธ.ไทยพาณิชย์
Share Button

ขนความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัย จ.อุบล

ภาพภายในบ้านผู้ประสบอุทกภัย
ที่จะอธิบายคำว่า “สิ้นเนื้อประดาตัว”
.
น้ำกวาดทรัพย์สินทุกอย่างไปหมด
ทรัพย์สินที่เรานึกถึงอาจหมายถึงเงินทอง
.
แต่สำหรับชาวบ้านรายได้น้อย
“ทรัพย์สิน” หมายรวมถึง
.
ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า บานกระจก
หม้อข้าว เตาแก๊ส ที่นอน หมอนมุ้ง ฯลฯ
.
บางบ้าน “ชักโครก” ยังต้องเก็บตังค์ซื้อ
เพื่อผู้เฒ่าผู้แก่ภายในบ้าน
.
วันนี้ทุกอย่างน้ำพัดเสียหายไปหมด
เก็บตังค์อีกเท่าไหร่
กว่าจะได้กลับมาดังเดิม
.
การนำทรัพยากรของผู้มีเหลือใช้
เข้าไปแบ่งปันในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียนี้
จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
ปลดเปลื้องความทุกข์อย่างเป็นรูปธรรม
.
นี่คือภารกิจฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำลด
ของโครงการแบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง
.
สัปดาห์นี้เราเหมารถสิบล้อ 2 รอบ
เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้ง เสื้อผ้า เสื้อกันหนาว
หมอน ผ้าห่ม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ที่ได้จากการบริจาค ขนขึ้นจนเต็มคันรถ
มีปลายทางเพื่อดูแล พี่น้องชาววารินชำราบ
จังหวัดอุบลราชธานี
———————————————
บริจาคสิ่งของเหลือใช้สภาพดีได้ที่
มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 191
ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7
แขวงตลาดบางเขน เขต หลักสี่ กทม. 10210
โทร.061-909-1840, 063-931-6340
Share Button

น้ำลดลงแต่ภาระยังคงหนัก: วิกฤติหมดตัวของผู้ประสบภัย

ก่อนหน้านี้ สิ่งของในภาพ
เคยเป็นทรัพย์สิน ใช้สอย
ของใครบางคน
.
น้ำพัดทำลายทุกอย่าง
ให้กลายเป็นเพียงขยะกองนึง
.
และเหตุการณ์น้ำท่วม
ที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นขยะ
ก็ดูเหมือนจะเลือนลางลงไป
ความชินชา ทำให้ความช่วยเหลือขาดหาย
ยิ่งน้ำลด ความช่วยเหลือยิ่งเจือจาง
.
แท้ที่จริงแล้ว ช่วงหลังน้ำลดนี่แหละ
ที่ชาวบ้านต้องเผชิญ
กับสถานการณ์หมดตัวอย่างแท้จริง
.
บางคนหมดตัว บางคนตกงาน
ยังหางานใหม่ทำไม่ได้
.
กระจกเงาชวนบริจาคอุปกรณ์ล้างบ้าน
หรืออุปกรณ์ชองใช้ภายในบ้านที่จำเป็น
เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ประสบภัย
.
บริจาคได้ทื่ศูนย์อาสาสมัคร มูลนิธิกระจกเงา
โรงสีข้าวอุบลสิน 27 หมู่ 8 ถนนกันทรลักษ์
ตำบลแสนสุข อำเภอวารินชำราบ
จังหวัดอุบลราชธานี 34190
โทร 081-093-4053
Share Button

ชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่ออนาคตและบ้านจมหายไปในน้ำ

“พี่มีแต่ลูกผู้หญิง ไม่กล้าให้ไปนอนที่ศูนย์พักพิง เลยต้องไปขออาศัยบ้านญาติ ก่อนออกจากบ้าน ก็ช่วยกันขนของ เขาบอกว่าน้ำน่าจะท่วมไม่ถึงชั้นสอง เราก็ไม่ได้เอาอะไรออกมามาก เอาเท่าที่จำเป็น พวกเสื้อผ้าชุดนักเรียนลูก กับรถมอเตอร์ไซค์ ของชิ้นใหญ่ ตู้เย็น ก็ต้องจ้างคนมาช่วยขนขึ้นชั้นสอง”
.
“พี่เป็นคนอำเภอวารินฯ เกิดที่นี่ โตมากับน้ำมูล พ่อแม่ทำอาชีพประมง มีพี่น้อง 7 คน ครอบครัวเราลำบาก ไม่มีเงินส่งเรียนหรอก พี่ได้เรียนถึง ป.6 ก็เริ่มไปทำงานตามโรงงาน ทำงานรับจ้าง จนกระทั่งแต่งงาน สามีเป็นลูกจ้างเทศบาล พี่ก็ออกจากงานเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก มีเวลาว่างก็รับจ้างเล็กๆ น้อยๆ รับจ้างซักผ้าบ้าง เป็นรายได้เสริม เพราะเงินเดือนสามีอย่างเดียว ไม่พอค่าใช้จ่าย”
.
“จนเมื่อ 8 เดือนก่อน สามีพี่เสียชีวิต เขาเส้นเลือดในสมองแตก ชีวิตครอบครัวเปลี่ยนเลย ลูกคนเล็กยังเรียนมัธยม อีกคนเรียนอาชีวะ เป็นลูกสาวทั้งคู่ เราไม่มีผู้นำครอบครัวแล้ว ก็ต้องเริ่มทำงาน หางาน จนได้งานเป็นแม่บ้านทำความสะอาด ได้ค่าจ้างวันละ 350 บาท”
.
“พี่ไปทำงานทุกวัน ขี่รถเครื่องข้ามแม่น้ำจากฝั่งอำเภอวารินฯ ไปทำงานในเมืองอุบลฯ เดือนนึงหยุดแค่ 4 วัน ก็มีรายได้ 8,000- 9,000 บาท ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ให้ลูกไปเรียน ตั้งแต่สามีเสียไป ก็ทำงานหาเงินมาตลอด จนน้ำท่วม”
.
“พอน้ำท่วม พี่ก็ไปทำงานไม่ได้ เพราะน้ำท่วมสูงมาก จะอ้อมไป ก็ไกลมาก เข้างานไม่ทัน ห่วงของห่วงลูกด้วย ก็ต้องรอน้ำลด บอกเถ้าแก่ว่าเดินทางไม่ได้ ขอลาหยุดก่อน ตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นเดือนแล้วที่ไม่ได้ไปทำงาน ป่านนี้เขาคงจ้างคนอื่นไปแล้ว”
.
“ตอนน้ำท่วมปี 2562 ข้าวของในบ้านก็ไปกับน้ำหมด เอาอะไรออกมาไม่ได้เหมือนกัน แต่ปีนั้นพี่ยังมีหัวหน้าครอบครัว ยังมีสามี เราก็ยังมีแรงทำ บ้านพัง ของเสีย เขาก็ซ่อมใหม่ได้ แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม ไม่มีสามีแล้ว ปีนี้น้ำขึ้นถึงชั้นสอง ของที่ขนเก็บจมน้ำหมด ตู้เย็น เตียงลอยตามน้ำ ของทุกอย่างไปหมดเลย (ร้องไห้) เหมือนมันไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือแต่หลังคา ที่พ้นน้ำ”
.
“ตอนนี้พี่ยังมองไม่เห็นอนาคตเลย ยังไม่รู้จะทำยังไงกับมัน (เงียบ) ลูกก็ต้องไปเรียน บ้านก็ต้องทำอีกเยอะ ทุกอย่างมันต้องใช้เงินทั้งนั้น ลูกสาว เขาปลอบใจว่า แม่ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ปีก่อนๆ น้ำก็ท่วม เรายังผ่านมาได้ ตอนนี้ไม่มีรายได้ ก็ยืมเงินญาติให้ลูกได้ไปเรียน ของแจกที่ได้ ก็เอาไปกินกันก่อน เดี๋ยวพอน้ำลด เดินทางได้เหมือนเดิม พี่จะลองไปคุยกับเถ้าแก่เขาดู เผื่อเขาจะรับพี่กลับไปทำงานเหมือนเดิม”
—————————————————-
จินตนา ควรเมืองกล้า อายุ 53 ปี
ผู้ประสบอุทกภัย ชุมชนท่ากอไผ่
อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
—————————————————-
บทสัมภาษณ์นี้ ทีมงานกระจกเงา คุยกับพี่จินตนา ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว กระทั่งถึงตอนนี้ ที่บ้านท่ากอไผ่ บ้านของเธอ ยังมีน้ำท่วมขัง เพราะอยู่ติดริมน้ำมูล ทีมงานประเมินว่าอีกเกือบสิบวัน น้ำจึงจะลด ถึงวันนั้น เราจะจัดกองกำลังอาสาเข้าหมู่บ้าน ไปช่วยครอบครัวของเธอ รวมถึงชาวบ้านรายอื่นๆ ด้วย
Share Button

บทสัมภาษณ์ทีมงานจ้างวานข้า: หนึ่งคำถาม หลายคำตอบ

“เป็นช่างไฟมา 40 ปี​ ทำเป็นหมด
ซ่อมสวิตซ์น้ำท่วม เดินไฟได้
เรื่องไฟโอเค เป็นความสามารถพิเศษ
ทำมาแต่เด็กจนเกษียณ​เลย”
.
ประโยคขิง​ๆ ของจ้างวานข้า
เมื่อถูกถามว่า​ จะไปทำอะไร
ในการไปฟื้นฟูบ้านน้ำท่วมที่อุบล
.
เพลงลอยมา
“ใจสู้หรือเปล่า​ ไหวมั้ยบอก​มา
โอกาส​ของผู้กล้า​ ศรัทธา​ไม่มีท้อ”
————————–
สนับสนุน​จ้างวานข้า​ IN อุบลราชธานี​ได้ที่​
.
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-2-58289-4 SCB
.
กองทุนภัยพิบัติมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-258298-3 SCB
Share Button

ถ้วยรางวัลแห่งการส่งต่อของผู้ว่า “ชัชชาติ”

‘ถ้วยรางวัล’ สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ
ที่ยืนยันถึงความพยายาม
และความตั้งใจของนักกีฬา
.
การส่งต่อถ้วยรางวัล
จึงเป็นการส่งต่อแรงบัลดาลใจ
และถ้วยรางวัลมือสองหลายชิ้น
ที่ผ่านการใช้งานน้อยครั้ง
ยังมีศักยภาพทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี
.
ถ้วยรางวัลจากการบริจาค
ที่ศูนย์แบ่งต่อ มูลนิธิกระจกเงา
จึงถูกเลือกเป็นถ้วยรางวัลเกียรติยศ
ของผู้ว่าชัชชาติ ในงานวิ่ง
Ultra Park Run Thailand 100
.
เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาในโรงเรียนขนาดเล็ก
ที่ถ้วยรางวัล ให้แรงบัลดาลใจ
เด็กๆ ไม่ซีเรียสว่าถ้วยรางวัลที่ได้รับจะเก่าหรือใหม่
ชื่อที่สลักจะตรงประเภทกีฬาที่แข่งหรือไม่
.
ขอแค่ได้อยู่ในโมเมนต์
ชูถ้วยรางวัลให้สุดแขน
เป็นเครื่องยืนยัน
ว่าความพยายามของพวกเขามีความหมาย
.
ยิ่งกว่านั้น การได้มาซึ่งถ้วยรางวัล
ต้องอาศัยอุปกรณ์กีฬา
ที่จะเป็นตัวช่วยฝึกฝน
ให้เด็กๆ ใช้ความมานะอดทน
พัฒนาทักษะของตัวเอง
ให้ไปถึงวันแห่งชัยชนะ
.
ศูนย์แบ่งต่อ มูลนิธิกระจกเงา
มีถ้วยรางวัล เหรียญรางวัลเก่า
รวมถึงอุปกรณ์กีฬา ที่ได้จากการบริจาค
.
และเรายินดีให้โรงเรียนหรือหน่วยงานของคุณ
เข้ามาเลือกหยิบ ให้สิ่งของทุกชิ้น
ถูกนำกลับไปใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ติดต่อได้ที่ 062-267-9191
.
หากคุณเป็นสายแข่งขัน
มีอุปกรณ์กีฬาเก่า เหลือใช้ สภาพดี
หรือเหรียญ ถ้วยรางวัล วางไว้ไม่ได้ใช้งาน
สามารถส่งต่อมันเป็นแรงบัลดาลใจให้เด็กๆ
อย่างที่มันเคยทำหน้าที่เป็นแรงบัลดาลใจให้แก่คุณ
.
ส่งมาได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 191 ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7
แขวงตลาดบางเขน เขต หลักสี่ กทม. 10210
โทร.061-909-1840, -63-931-6340
.
ขณะนี้มีโปรฯ ส่งพัสดุจาก นิ่ม เอ็กซ์เพรส
คิดค่าบริการเหมาจ่ายเพียง 30 บาท/กล่อง
น้ำหนักไม่เกิน 25 กก./กล่อง
Share Button