
“เธอ” ผู้แบกรับชีวิตสามีที่ป่วยติดเตียง

วิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเราแบบ 360 องศา แทรกอยู่ทุกช่วงเวลาแม้ตอนกินข้าว
.
การเรียนวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดทักษะในชีวิตของเด็ก เป็นพื้นฐาน การคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถาม หาคำตอบ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ ที่สุดท้ายไปเพิ่มพูน ‘คุณภาพชีวิต’ ของคนในสังคม
.
สำหรับครูโบว์ ครูวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเล็กๆ เธออยากให้เด็กของเธอได้เจอการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ สามารถใช้วิทยาศาสตร์แก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ และเป็นพื้นฐานของอนาคต
.
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนนี้ คือ 1/4 ของห้องเรียนชั้น ป.6 มีตู้หนึ่งใบ ข้างในบรรจุ กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้มานาน 25 ปี รวมกับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เสื่อมสภาพอื่นๆ
.
และแน่นอนว่าประสิทธิภาพของอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ในการเรียนการสอน
.
แม้อุปกรณ์ไม่มีใช้ แต่ครูโบว์เชื่อว่าเด็กจะเรียนรู้ได้ต้องลงมือทำจริง เธอจึงประยุกต์ใช้แก้วน้ำแทนบีกเกอร์ ใช้ช้อนแทนแท่งแก้วคนสาร เธอเล่าว่ามันพอแก้ขัดไปได้บ้างระหว่างรอ
.
เผื่อวันไหนโชคดี มีโรงเรียนใหญ่ในพื้นที่
เอื้อเฟื้ออุปกรณ์มาให้
.
ครูโบว์จบเอกวิทย์ แต่มาทำงานจริงต้องสอนทุกรายวิชา เธอจึงสอดแทรกวิทยาศาสตร์ให้เด็กในรายวิชาแทบทั้งหมด อย่างถึงเวลาวิชาการงาน เด็กๆ ทำขนม เธอสอนให้เด็กเห็นว่าสถานะของสารในวัตถุดิบมีความต่างกัน ถึงเวลาวิชาเกษตรเพื่ออาชีพ เธอสอนเด็กๆ ให้ระวังเรื่องการสัมผัสและสอนการใช้สารเคมีที่ถูกต้อง
.
เธอสอนแบบนั้นมาร่วม 7 ปี
.
7 ปี ที่เธอใช้วิทยาศาสตร์ เปิดโอกาสให้เด็กคิดเป็นทำเป็น พยายามสร้างพื้นฐานการใช้ชีวิตให้เด็กวางแผนการทำงานเป็นลำดับขั้นตอน
.
และ 7 ปีนั้น เธอสร้างมันจากห้องวิทยาศาสตร์ที่ว่างเปล่า
.
เช่นเดียวกันกับโรงเรียนขนาดเล็กนับร้อย ที่มีห้องวิทยาศาสตร์แต่ข้างในว่างเปล่าไม่มีอุปกรณ์ มีเพียงคุณครูที่ประยุกต์การสอนด้วยความพยายาม
.
ยิ่งไปกว่านั้นบางโรงเรียน
ไม่มีแม้คุณครูวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำไป
__________________________
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์แบ่งต่อ มูลนิธิกระจกเงา นำกล้องจุลทรรศน์ และอุปกรณ์เรียนวิทยาศาสตร์อื่นๆ ที่ได้รับจากการบริจาคไปให้เด็กๆ ณ โรงเรียนวัดปทุมทอง เราให้คุณครูลองใช้ บรรยากาศในห้องวิทยาศาสตร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเป็นครั้งแรกที่เด็กๆ มีโอกาสได้เห็นเนื้อเยื่อของพืชจากกล้องจุลทรรศน์ตัวจริง
___________________________
หากคุณ หรือหน่วยงานของคุณ เห็นด้วยกับความสำคัญของวิชาวิทยาศาสตร์ เราอยากชวนคุณเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอนาคตและคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ให้โรงเรียนขนาดเล็กมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์พร้อมใช้ในการเรียนการสอน
.
สนใจติดต่อผ่านทาง Email: donate@mirror.or.th หรืออินบ็อกซ์เพจมูลนิธิกระจกเงามาได้เลย
“เราใช้เวลา 20 ชั่วโมง ในการให้ความช่วยเหลือหญิงสาวอายุ 18 ปีคนนี้”
.
หลังจากที่มีการแจ้งมาทางเพจของมูลนิธิกระจกเงา แอดมินเพจที่ตื่นเช้ามาก ส่งข้อความมายังทีมงานโครงการผู้ป่วยข้างถนน โครงการที่ทำงานเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในพื้นที่สาธารณะ แอดมินส่งข้อความมาตอนตี 5 ของวันศุกร์ที่ 19 แอดมินเพจระบุความเห็นว่าเราน่าจะต้องให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนดังกล่าว ทีมงานผู้ป่วยข้างถนนเมื่อดูคลิปนี้ในTikTok ก็ประเมินในเบื้องต้นว่า เธอน่าจะมีอาการจิตเวช จากพฤติกรรมที่ผิดปกติ รวมถึงเมื่อไล่ดูคอมเมนต์ก็พบว่ามีคนเห็นเธอในหลายที่ และเห็นเธอในพฤติกรรมที่ไม่ปกติ เราจึงเห็นตรงกันว่าควรให้ความช่วยเหลือ และเป็นการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
.
ความต้องเร่งด่วนนั้นเกิดจากอายุที่น้อยมากของเธอ ความเป็นผู้หญิง พฤติกรรมที่เราประเมินว่าไม่น่าจะดูแลตัวเองได้ เสี่ยงอย่างมากต่ออันตรายต่างๆ
.
เพราะก่อนที่จะมีโครงการผู้ป่วยข้างถนนเกิดขึ้น ย้อนไป 10 กว่าปีก่อน แถวออฟฟิศของมูลนิธิกระจกเงา เราเคยเจอผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอาการจิตเวชชัดเจน เธอเดินตามท้องถนน ถอดเสื้อผ้าบ้าง ใส่เสื้อผ้าบ้าง เราเห็นเธออยู่ประมาณ 1 ปี แล้วมีวันหนึ่งในหน้า1ของหนังสือพิมพ์ เราพบว่ามีข่าวพาดหัวว่า มีผู้หญิงเร่ร่อนคนหนึ่งคลอดลูกที่ข้างถนน เรารู้ทันทีว่านั้นคือเธอที่เราได้เพียงแต่มองเห็นแต่ไม่ได้ทำอะไร จากวันนั้นมูลนิธิกระจกเงาจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับใครอีก เราจึงมีโครงการผู้ป่วยข้างถนนขึ้นมาหลังจากนั้น
.
กลับมาที่เธอคนนี้ เราเริ่มประชุมกันเพื่อวางแผนในการให้ความช่วยเหลือ เราเริ่มต้นจากการประชาสัมพันธ์เพื่อขอรับข้อมูล พิกัดที่คนได้เจอเธอ ทางศูนย์ข้อมูลคนหายได้ทำการเช็กการแจ้งคนหาย แต่ก็ไม่พบว่ามีการแจ้งการหายเข้ามาแต่อย่างใด เมื่อได้พิกัดที่มีคนพบเห็นเธอ เราเริ่มต้นลงพื้นที่ เรากำหนดพื้นที่ไว้สามพื้นที่หลักๆ ตามการแจ้งที่มีมูลมากที่สุด แต่ในระหว่างการลงพื้นที่ที่สอง มีผู้แจ้งติดต่อเข้ามาว่าเขาพบเธอล่าสุดตอน 4 โมงเย็น เมื่อเช็กข้อมูลว่าใช่เธอแน่ๆ ทีมงานจึงลงพื้นที่เพื่อไปทำการติดตาม แต่ระหว่างทาง ทีมงานเช็กกับผู้แจ้งอีกครั้ง ผู้แจ้งๆ ว่าไม่พบเธอในพื้นที่เดิมอีกแล้ว
.
แต่ไม่นานเกินรอ มีผู้แจ้งอีกคน ที่บอกว่าเพิ่งพบเห็นเธอเมื่อสักครู่ ผู้แจ้งส่งภาพมาให้เราตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นเธอจริงๆ หลังจากนั้นเราจึงประสานไปทาง สน.จรเข้น้อย เพื่อให้ทางตำรวจส่งสายตรวจมาเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อตำรวจไปถึง พบว่าเธอกำลังขึ้นรถสองแถวไปแล้ว ขึ้นรถไปก่อนที่ทางทีมงานผู้ป่วยข้างถนนจะไปถึงไม่ถึงนาที สายตรวจจึงขับมอเตอร์ไซค์ตามและทำการดักรถสองแถวคันนั้น และไปทำการเชิญตัวเธอลงมา เธอไม่ขัดขืนอะไร หลังจากนั้นจึงประสานรถพยาบาลเพื่อนำส่งเธอไปยัง สถานบำบัดรักษาโดยทันที
.
เรามองดูนาฬิกาอีกครั้งเมื่อแพทย์รับเธอเป็นผู้ป่วยใน เป็นเวลาตี 1 ของอีกวัน
จากตี 5 ถึงตี 1 ของอีกวัน มันคือ 20 ชั่วโมง เป็นเวลาที่เราไม่อยากให้เกินไปกว่านั้น
20 ชั่วโมงที่พลังแห่งโลกออนไลน์แสดงตัวว่ามีอยู่จริง
เราน่าจะเชื่อเหมือนกันว่า “มนุษย์ไม่ควรตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้”
———————————————-
แจ้งเมื่อพบผู้ป่วยข้างถนน หรือปรึกษาเมื่อพบปัญหาผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่สามารถเข้าสู่การรักษามาได้ที่ เพจ โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา
.
สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB
หัวค่ำคืนวานก่อนหนัง ONE PIECE เข้าฉาย 1 วัน
เราได้รับข้อความจากผู้บริจาคว่า
เขาซื้อตั๋วหนังผิดวันผิดรอบ
จึงขอส่งต่อมันเพื่อให้มูลนิธิใช้ประโยชน์ต่อไป
พร้อมกับส่งภาพสำหรับสแกนรับตั๋วมาให้
.
รายละเอียดในภาพระบุเป็นตั๋วแบบ VIP
มูลค่า 2 ใบ 600 บาท
หนังเข้าฉายวันนี้ รอบบ่ายสองโมง
.
กระจกเงาเรามีชายสองคน
คนหนึ่งคือ “บ๊วย” เขากำลังต่อสู้กับโรคไบโพล่าร์
และเขาเหมือนเด็กตั้งแต่เริ่มป่วย
.
อีกคนเราเรียกเขาว่า “เอ แรมโบ้”
เป็นอดีตคนไร้บ้าน เร่ร่อนตั้งแต่ยังเด็ก
จนถึงวันนี้เขายังคิดว่าตนเองเป็นเด็กคนหนึ่ง
.
บ่ายสองวันนี้ เรายินดีให้คนทั้งคู่นี้หยุดงาน
พร้อมกับป๊อบคอร์น และแป๊บซี่คนละชุด
เพื่อมีความสุข กับ One Piece Film RED
ที่ผู้บริจาคมอบให้นี้
.
กระจกเงารับบริจาคสิ่งของทุกประเภท
และเรายินดีจัดการส่งต่อสิ่งเหล่านั้น
อย่างมีคุณค่า และประโยชน์สูงสุด
.
#มูลนิธิกระจกเงา
เด็กป่วยทางกาย อย่างน้อย
เรายังรู้ว่าเขาเจ็บป่วยตรงไหน
.
เด็กป่วยทางจิตใจ เด็กอธิบายไม่ได้
กว่าเราจะมองเห็นความผิดปกตินั้น
เขาต้องเผชิญความป่วยลำพัง
ต่อสู้กับความคิดของตัวเอง
.
ทำไมทุกคนรำคาญ โดนดุมากกว่าเพื่อน
ไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อน คุณครู
หรือแม้แต่ของพ่อแม่ตัวเอง
.
ตัวอย่างเด็กเหล่านี้ คือเด็กกลุ่มสมาธิสั้น
เด็ก LD ที่มีพัฒนาการทางสมองช้า
.
เด็กกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแล
ประคับประคอง อดทน และเข้าใจ
.
โครงการโรงพยาบาลมีสุข
กำลังทำงานสร้างสุข ให้กับเด็กกลุ่มนี้
.
วันพรุ่งนี้เราจะพาเด็กป่วย 10 ครอบครัว
คัดเด็กที่อาการป่วยไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยว
พาไปเล่นน้ำทะเลด้วยกัน
โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไปด้วย
.
ให้ทะเลเชื่อมความสุขให้กับเด็กและครอบครัว
ให้กิจกรรมนี้ บอกเด็กๆ ทางอ้อมว่า
เขามีคุณค่า สมควรได้รับการดูแล
แล้วเราจะประคับประคองกันไป
.
สนับสนุนกิจกรรมพาเด็กป่วยเที่ยวทะเล
ได้ที่บัญชีโครงการโรงพยาบาลมีสุข
เลขที่ 202-258286-0 ธ.ไทยพาณิชย์
ห้องเช่า 4 ห้องรวดที่คนไร้บ้าน 4 คนเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของพร้อมกัน
.
มี 1 คน ที่อยู่ไร้บ้านมากกว่า 10 ปี แต่หาโอกาสไม่ได้ซักทีที่จะมีห้องของตัวเอง
.
มีอยู่ 1 คน ที่เพิ่งไร้บ้านมาน้อยกว่า 1 ปี แต่หาโอกาสไม่ได้ซักทีที่จะมีห้องของตัวเอง
.
นอกจาก 4 คนนี้ ยังมีคนไร้บ้านอีก 2 คนในวันนี้ที่เพิ่งได้ห้องเช่าใหม่
.
โดยสรุป จ้างวานข้าเรามีคนไร้บ้านเพิ่มอีก 6 คนที่สามารถไปมีห้องใหม่ได้ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมานี้
.
งานจ้างวานข้าคือโอกาสที่ว่านั้น คือตัวช่วยให้พวกเขาพ้นผ่านชีวิตข้างถนนออกไปได้
.
“งานและรายได้” เป็นสิ่งที่คนไร้บ้านมักบอกแบบตะโกนให้ได้ฟังอยู่เสมอ ถ้าคำถามนั้นถามออกไปว่า “คุณต้องการอะไรที่สุด”
.
จ้างวานข้าออกแบบมาเพื่อรับใช้คำตอบนั้นของคนไร้บ้าน
____________________
สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่
โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่บัญชี 202-2-58289-4 SCB
“เด็กฝึกงานอาวุโส”
เมื่อหลายเดือนก่อน หญิงชราตกงานคนหนึ่ง เลือกใช้ชีวิตเร่ร่อนข้างถนนแบบเต็มตัว ก่อนหน้านี้เธอเดินกะเผลกพร้อมไม้เท้าเพื่อพยายามหางานทำ ทุกที่ที่ไปไม่ตอบรับเพราะข้อจำกัดทั้งอายุและร่างกายพิการ
.
4 เมษายน ที่ผ่านมา เราชวนเธอทำงานชรารีไซเคิลคัดแยกขยะพลาสติก เธอตอบรับทั้งที่ไม่รู้ละเอียดการทำงานมากนัก ขอแค่มีงานให้ทำ ส่วนชีวิตที่เหลือเธอบอกว่างานจะช่วยจัดการให้เธอได้เอง
.
วันนั้นมีคนทำงานคัดแยกขยะพลาสติกอยู่ก่อนแล้ว 1 คน เธอเข้ามาเป็นคนที่ 2 เธอเรียกตัวเองว่า ‘เด็กฝึกงาน’ เพราะเธอรู้ตัวว่าไม่มีพื้นฐานและยังต้องเรียนรู้งานใหม่อีกหลายจุด
.
เด็กฝึกงานที่อายุเท่าพนักงานอาวุโส จะนั่งตรงเก้าอี้พลาสติกประจำตำแหน่ง เรียง ขวด แผ่นซีดี ไม้แขวนเสื้อไว้รอบตัว พยายามจดจำรายละเอียดทุกขั้นตอน ทุกประเภท ในการคัดแยก หากอันไหนจำยากเกินกำลังสมอง เธอจะฟังด้วยหู และแยกจากเสียงตอนบีบพลาสติกชนิดต่างๆ แทน
.
ไม่ใช่แค่จดจำวิธีการ เธอมักชอบถามที่มาที่ไป อยากรู้จุดหมายของงานที่กำลังทำ
.
“การที่ให้เราคัดแล้วส่งไปรีไซเคิล จุดหมายมันไม่ได้อยู่ที่เราทำงานได้เงินอย่างเดียวแล้ว เราได้ทำบ้านเมืองให้มันสะอาด ยิ่งต้องเก็บให้ดี แยกให้ดี อย่าให้มันมั่วรวมกัน”
.
“ความสุขตอนนี้ คือการได้ตื่นมาทำงาน เราให้กำลังใจตัวเองว่าสู้ๆ มาเยอะ ก่อนจะมาทำงานตรงนี้เคยเร่ร่อนนอนป้ายรถเมล์ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ เรายังมีสองมือ ยังมีสามขา(ไม้เท้า) ถึงขาที่สามจะเป็นอุปสรรคก็ต้องอยู่ให้ได้ พยายามยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้มาตลอด”
.
สกิลการทำงานของเธอพัฒนาจากอาวุโสฝึกงานเป็นชรารีไซเคิลเต็มตัว มีเงินเช่าบ้าน มีรายได้ซื้อถั่วงากินบำรุงสุขภาพ มีเงินก้อนหนึ่งพร้อมไปผ่าตัดรักษาขา และ ‘รู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง’
——————————————
บังเอิญ บรรเลงพิณ อดีตคนไร้บ้านวัย 68 ปี
——————————————
โครงการชรารีไซเคิล รับบริจาคขยะพลาสติก
เพื่อช่วยคนชราตกงาน ให้มีงาน มีรายได้
งานที่ว่านั้น คืองานคัดแยกขยะพลาสติก
เพื่อเปลี่ยนขยะ ให้กลายเป็นสิ่งของ
ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
.
บริจาคขยะพลาสติกได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 191 ซอยวิภาวดี 62 (แยก 4-7)
ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน
เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
โทร.061-909-1840
8 ปีที่แล้ว ‘ป้าอ๋อย’และสามีเคยมีกินมีใช้
จากอาชีพขายพระเครื่อง
จนวันที่พิษเศรษฐกิจรุมเร้า
ทั้งคู่จึงตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตไร้บ้าน
.
สามีอายุราว 50 ต้นๆ ได้ทำงานรับจ้างอยู่บ้าง
ส่วนตัวป้าอ๋อยที่อายุ 70 หางานยากกว่า
เพราะความสูงวัยและบัตรประชาชนที่สูญหาย
เป็นเหตุผลให้ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงาน
.
เงินรับจ้างจากสามีจึงเป็นแรงหลัก
ให้ชีวิตไร้บ้านของทั้งคู่พอมีข้าวตกถึงท้องเรื่อยมา
.
แต่แล้ววันหนึ่งป้าอ๋อยล้มป่วยลง
เส้นเลือดสมองอุดตันส่งผลร้าย
เธอเดินไม่ได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
การไม่มีบัตรประชาชนทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ
ในระบบประกันสุขภาพฯ
เธอทำได้เพียงนอนรักษาบนพื้นฟุตบาท
ที่สูงจากพื้นถนนไม่มากนัก
.
ความเจ็บปวดจากการเจ็บป่วย
เริ่มเล่นงานชีวิตทั้งสองชีวิต
ร่างกายของป้าอ๋อยเริ่มแย่ลง
สามีดูแลเธอข้างกายด้วยความรัก
ด้วยความเป็นห่วง เขาไม่สามารถทิ้งป้าอ๋อยไว้
เพื่อออกไปทำงานที่ไหนได้อีก
.
ยิ่งกว่านั้น การเป็นคนไร้บ้าน
ได้ตัดโอกาสการทำบัตรประชาชนใหม่
เพราะป้าอ๋อยไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านหลังใด
มีทรัพย์สินแค่ผืนผ้าใบที่คนแถวนั้นให้ยืมใช้
กันแดดฝนไปเป็นครั้งคราว
__________________________________
มาวันนี้ เรื่องราวความทนทุกข์
จากการไม่ได้รับสิทธิของป้าอ๋อยและสามีจบลงแล้ว
โครงการคลีนิกกฎหมาย มูลนิธิกระจกเงา
ดำเนินการย้ายชื่อป้าอ๋อยที่เป็นผู้ป่วยและสามี
เข้าอยู่ในทะเบียนบ้านหลังหนึ่ง
บ้านที่มูลนิธิกระจกเงาได้รับบริจาคมา
จากผู้ที่ต้องการให้บ้านเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้อื่น
.
และมันกำลังทำประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง
เพราะบ้านหลังนี้จะเป็น
‘ทะเบียนบ้านมูลนิธิกระจกเงา’
ที่ช่วยเรียกร้องสิทธิ
ให้เพื่อนมนุษย์ไร้บ้านอีกจำนวนมาก
ไม่ตกหล่นจากการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ
ที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
.
เช่นเดียวกับที่ทะเบียนบ้านหลังนี้
ช่วยให้ป้าอ๋อยมีบัตรประชาชน
มีสิทธิการรักษาขั้นพื้นฐาน
ได้รับทุกสิทธิสวัสดิการของผู้ป่วยกลับคืน
.
และล่าสุด จ้างวานข้ารับเธอกับสามีเข้าสู่การจ้างงาน
ประจำในหน้างานคัดแยกสิ่งของบริจาค
มีงาน มีอาชีพ มีสิทธิสวัสดิการอย่างมีคุณค่า
ให้ทั้งคู่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยสมบูรณ์
__________________________________
ติดต่อคลินิกกฎหมาย มูลนิธิกระจกเงา
ได้ที่ 083-771-7769
.
สนับสนุนคลินิกกฎหมายได้ที่
บัญชีคลินิกกฎหมาย โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขบัญชี 202-270402-2 ธ.ไทยพาณิชย์