ให้ “ความรัก” คุ้มครองลูกให้โชคดีและปลอดภัย

ในทุกเช้าของชีวิต..ผู้เป็นมารดาร่ำลาลูกชายคนเดียว ด้วยการปิดประตูใส่กุญแจอย่างมิดชิด โลกภายนอกโลกร้ายเพียงใด แม่คนนี้รู้ดี  ลูกชายของเธอป่วยด้วยโรคสมาธิสั้น ดูแลตัวเองได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าข้าวปลาอาหารที่ตระเตรียมไว้ให้อยู่ที่ไหนเวลาหิว แต่ก็ไม่ฉลาดพอสำหรับการออกมาใช้ชีวิตคนเดียวบนท้องถนน

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอต้องทำจิตใจให้เข้มแข็ง เธอต้องทำงานทุกวัน ใช่..พร้อมกันนั้นเธอต้องเลี้ยงลูก

ลูกชายคนเดียวที่เป็นเหมือนดวงใจ เธอรู้ดีว่าเธอรักเขายิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอ .. การต้องกักขังลูกของตัวเองไว้ในห้องเช่าเล็กๆ เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจได้ แต่หากถามว่าคุ้มค่าแค่ไหน .. เท่าที่แม่คนหนึ่งจะตอบได้ สิ่งที่เธอคิดและลงมือทำอยู่นั้น “คุ้มค่า” เกินบรรยายด้วยความรักทั้งหมดที่มี ไม่มีคำติฉินนินทาใด รุนแรงเท่ากับการปล่อยให้ลูกต้องเผชิญกับโลกภายนอกเพียงลำพัง

แม่คนนี้รู้ดี.. เสียงนกร้อง ใบไม้ไหว เสียงพูดคุยของผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ บ้างปะปนด้วยเสียงหัวเราะ ดูน่าสนุกสนาน การปล่อยให้เด็กชายต้องอยู่คนเดียวเป็นเวลานานๆ อาจเป็นการซ้ำเติมให้เขายิ่งแปลกแยกกับสังคม

ให้ตายเหอะ.. ในบางวันที่แววตาใสซื่อจ้องมาเพื่อร้องขออิสรภาพเป็นเพียงเสี้ยวเวลาเดียวที่เด็กชายหยุดนิ่ง และรอให้แม่พาเขาออกไปสู่โลกกว้างบ้าง มันก็มีบางวันที่เธอลองใจตัวเองและลูกชาย ปล่อยให้เขาได้ออกเดินทางแค่เพียงใกล้ๆ เพื่อเขาจะได้มีโอกาสสัมผัสกับโลกที่แท้จริง และเป็นตัวของตัวเองบ้าง แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้น ปลดปล่อยหัวใจของเด็กชายให้หลงระเริงไปกับแสงสี รถยนต์ที่กำลังวิ่งขวักไขว้ ผู้คนเดินไปเดินมา แสงสีหลอดไฟนีออนส่องสว่างไปทั่วทุกตึก เขาตื่นเต้นและอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่นานเด็กชายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

สุดท้าย เขากลายเป็นเด็กหายที่สมัครใจออกจากบ้าน .. จากภาวะไม่ปกติทางจิตเวช ด้วยโรคสมาธิสั้น แม่ของเขารู้ดีกว่าใคร สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือ คอยระมัดระวังให้ลูกในอยู่พื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่ที่เธอเรียกว่าบ้าน แต่สำหรับลูกชาย เขาไม่รู้ความหมายของมันด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะคิดว่าทุกที่ที่เขาออกไปพบเจอนอกรั้วบ้าน ที่ที่อันตรายไม่ปลอดภัยนั้น คือ “บ้าน” ในความคิดของเขา ด้วยลักษณะพิเศษของโรคสมาธิสั้น ไม่มีใครเข้าใจ ภาษา รูป รส กลิ่นและเสียงของโลกภายในของเด็กเหล่านี้ และความเข้าใจผิดเหล่านั้น ถูกสื่อสารไปยังเด็กสมาธิสั้นอย่างขาดๆเกินๆ เขาต่อต้านทุกการกระทำและใช้ชีวิตอยู่อีกฝั่งฟากของความเป็นปกติธรรม

หรือนี่อาจเป็นบททดสอบของแม่คนหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความรักต่อใครสักคน  เช่นกัน มันคงเป็นข้อสอบชีวิตขนานแท้ของเด็กชายเพื่อให้ค้นหาที่อยู่ที่ยืนอันแท้จริงของตัวเอง  ในโลกของเด็กสมาธิสั้น การหายตัวออกจากบ้าน อาจเป็นเรื่องราวธรรมดาสามัญที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร คล้ายๆกับการกิน นอน และเล่นทั่วๆไป หากวันหนึ่ง หวังใจว่า เขาจะเข้าใจโลกที่มองเห็นเช่นเดียวกับเรา เพื่อที่เขาจะได้ไม่กลายเป็น “เด็กหาย” อีก หรือบางทีเราอาจจะไม่เรียกการออกจากบ้านไปไหนมาไหนของเขาว่า การหายตัวไป .. ใช่!! ถ้าวันหนึ่งเขาคือเด็กปกติธรรมดาๆคนหนึ่งของโลกใบนี้

Share Button