“บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขภาพใจ”

บ้านไม้หลังเก่า ถูกปกคลุมด้วยร่มของต้นตะขบที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงายามบ่าย ลมพัดเอื่อยๆจากคลองหกวาสายล่างหลังบ้าน บรรยากาศที่นี่เงียบสงบราวเวลาหยุดอยู่กับที่ คุณยายนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงไม่รับรู้สรรพสิ่งใด นอกจากแรงกระเพื่อมของหายใจเข้า ออกบนหน้าอก ที่ยังคงส่งสัญญาณชีพให้ลูกหลานได้สบายใจ คุณยายไม่ส่งเสียงเรียกร้องอะไรอีกแล้ว ลุงสุธีทำหน้าที่ป้อนอาหารทางสลิงส่งต่อสายยางเข้าสู่กระเพาะอาหารตามเวลาอย่างเคร่งครัด

 

“เร็วมาก ก็สำลัก ต้องค่อยๆป้อนค่อยๆหยอด” เพื่อลำเลียงสารอาหารเข้าร่างกายของคุณยาย ผู้เป็นมารดา ซึ่งตอนนี้แก่ชรามีอายุกว่า 92 ปีแล้ว

 

ข้างๆเตียงของแม่ เป็นเตียงของพี่สาวของลุงสุธี พี่สาวที่เคยช่วยเหลือเลี้ยงดูอุ้มชู ลูกสาวของลุงเมื่อเธอยังมีเรี่ยวแรง บัดนี้เธอกลายเป็นอัมพาตนอนนิ่ง กระดิกร่างกายไมไ่ด้ ทำได้เพียงกระพริบตา และส่งเสียงอ้อแอ้เกือบไม่เป็นภาษา ร่างกายที่เหลือทั้งหมดจึงถูกทิ้งไว้เป็นภาระของน้องชายแต่เพียงผู้เดียว

 

ลุงสุธี ปลูกเพิงนอนอยู่ใกล้ๆเตียงของแม่และพี่สาว ทุกๆวันเขาตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อหุงหาอาหาร ป้อนข้าว เช็ดตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทั้งคู่อย่างเต็มใจ โชคดีที่แต่ก่อนลุงเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยเอช ไอ วี มาก่อน ประสบการณ์จากการทำงานหลายปีที่นั่น ทำให้แกรู้จักวิธีการดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้เป็นอย่างดี

 

“ไม่มีอะไรต้องรังเกียจ นั่นก็แม่ นี่ก็พี่สาว” ลุงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

การดูแลผู้ป่วยติดเตียง สิ่งสำคัญคือการตรงต่อเวลา ในเรื่องอาหารการกินต้องสะอาดปลอดภัย การรักษาความสะอาดให้แก่ร่างกายผู้ป่วย และการรักษาความสะอาดพื้นที่บริเวณที่ผู้ป่วยนอนพักอยู่ จะเห็นได้ว่าลุงสุธีทำได้อย่างดีเยี่ยม บริเวณบ้านถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย จานชามถูกล้างเก็บ ผ้าปูที่นอน พื้นบ้านสะอาดเอี่ยมอ่อง

 

สิ่งของที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่เพียงกำลังใจของคนในครอบครัวเท่านั้น ลุงสุธีบอกเล่ากับเราว่า การได้รับบริจาคแพมเพิสจากโครงการอาสามาเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอช่วยชุบชูหัวใจอันแห้งแล้งให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

 

“ในหนึ่งเดือน เราต้องใช้แพมเพิส 70 กว่าแผ่น” คิดเป็นเงินแล้วลุงสุธีก็ได้แต่ถอดถอนใจ

 

“แพมเพิส” ช่วยแบ่งเบาภาระในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้เป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็ช่วยลดเวลาในการทำความสะอาด และช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ป่วยและคนดูแลได้มากโข สำหรับผู้ป่วยมันคือความรู้สึกสะอาด สบายเมื่อต้องขับถ่าย สำหรับคนดูแลมันช่วยลดทอนความยากลำบากในการดูแลและเพิ่มเวลาพักผ่อน

 

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นปัญหาที่แต่ละครอบครัวต้องเผชิญเพียงลำพังด้วยความจำยอม ในฐานะที่พวกเขาเคยเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวหน้าไปไม่มาก็น้อย วันหนึ่งเมื่อพวกเขาหมดเรี่ยวแรงลง เราทุกคนในฐานะของเพื่อนมนุษย์ ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าไปช่วยเยียวยา อย่างน้อยการไปเยี่ยมเยียนเพื่อให้กำลังใจกันหรือการหยิบยื่นข้าวของจำเป็นให้แก่กัน ก็ช่วยลดทอนความโดดเดี่ยวลงได้บ้าง ถึงจะไม่มากแต่ก็ไม่น้อยสำหรับผู้ป่วยติดเตียงแล้ว เขาไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากความสุขเล็กๆน้อยๆบนเตียงนอนอันจำเจ

Share Button