ในดวงตาอันว่างเปล่า เด็กชายปาดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจขึ้นรถไฟ จุดหมายปลายทางคือสถานีหัวลำโพง ห่างไกลจากบ้านเกิด สิบกว่าชั่วโมง แรกเริ่มหัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัวระคนความตื่นเต้น จบเรื่องราวความเจ็บปวดที่ผ่านมาแล้ว.. เด็กชายคิดในใจ
ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ .. ไม่มีบ้าน ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม..ผู้คนเรียกขานเขาว่า “เด็กเร่ร่อน”
เช่นกันในดวงตาอันพร่าเลือน แม่เฒ่าพยุงร่างอันอ่อนล้าออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายปลายทางคือที่ไหนก็ได้ ..ที่ห่างไกลจากคำว่าภาระของลูกหลาน เป็นครั้งแรกของหญิงชราที่กล้าหาญออกเดินทางไกล จบการงานและความเป็นแม่ชั่วนิรันดร์ ..ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและสิ้นหวัง
ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ไม่มีบ้าน ไร้คำเรียกขานในนามของความเป็นแม่.. ผู้คนเรียกขานเธอว่า “คนไร้บ้าน”
เชื่อว่า..ทุกวินาทีมีเด็กและผู้สูงอายุต้องทุกข์ทนอยู่ภาวะยอมจำนนต่อโชคชะตาในบ้านหลังใดหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังที่เขาเกิดและเติบโต เช่นเดียวกันบางทีอาจจะเป็นบ้านที่เธอสร้างให้ลูกจากน้ำพักน้ำแรง ด้วยความรู้หรือไม่รู้ ทุกคำพูดเสียดสี ทุกการกระทำที่กักขังให้รู้สึกไร้อิสรภาพ ในฐานะของผู้อาศัย บนเงื่อนไขทางอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆตามกราฟของเศรษฐกิจ รายได้ ค่าข้าวปลาอาหารรายวัน
เด็กหลายคนถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย คนชราจำนวนมากถูกปล่อยให้มีแต่ชีวิตแต่ไร้ความสุขในบั้นปลาย ในฐานะของการเป็นพ่อแม่ หรือลูกหลาน พวกเขาเป็นเพียงภาระที่ต้องดูแลตามหน้าที่
ในฐานะของความเป็นมนุษย์ ..
เมื่อถึงเวลาอันสมควรในบ้านที่ไร้ค่า พวกเขาเดินทางตามหาคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง
ในฐานะของลูก หมดสิ้นสิ่งสงสัย ไม่เหลือสิ่งใดให้ต้องตอบแทนบุญคุณ
ในฐานะของพ่อแม่ หมดสิ้นสิ่งสงสัย ไม่เหลือสิ่งใดให้ต้องเลี้ยงดู ฟูมฟัก
เราวัดรอยร้าวที่เกิดจากผลของความรุนแรงที่กระทบจิตใจไม่ได้ด้วยไม้บรรทัดใด
คำพูดเพียงหนึ่งคำ เสียงตวาดดังจากความพลั้งเผลอไม่ตั้งใจ กิริยาท่าทางอันเฉยชาไร้อารมณ์เพียงเสี้ยวของความรู้สึกไม่พึงพอใจ..ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์โกรธที่ไม่ได้ให้ความหมายถึงความไม่รักหรือเกลียดชัง แต่ด้วยหัวใจที่กำลังเปราะบาง..อ่อนไหว ด้วยความเป็นเด็ก ด้วยความแก่ชรา
สิ่งเหล่านั้นนำพาร่างกายและจิตใจให้เตลิดเปิดเปิง..ไร้ทิศไร้ทาง
เมื่อเวลาถึงพร้อม..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เป็นพวกเขาเอง..ที่สมัครใจเดินออกจากบ้านด้วยความเต็มใจ..
ไม่เป็นภาระแก่กันอีกแล้ว..ไม่มีบุญคุณใดให้ต้องทดแทน