วันนี้น้องชายคนเล็กของบ้าน มีอาการจับไข้ หนาวสั่นอีกแล้ว

เดือนนี้เราต้องพาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลถึงสองครั้งด้วยอาการติดเชื้อเฉียบพลัน

ต้นเหตุเพราะ สายปัสสาวะที่เจาะคาไว้ที่หน้าท้อง เพื่อระบายของเหลวนั้น

บางครั้งบางคราวมันก็บอบบางราวกับเด็กทารก เมื่ออากาศเปลี่ยนร้อนไปชื้นไป

มันก็รังแต่จะติดเชื้อโน้นนี่ ลำพังยาแก้อักเสบธรรมดาไม่เคยเอาอยู่

 

หมอสั่งยาฆ่าเชื้อราคาสูงลิ่วเท่ากับรถมอเตอร์ไซต์หนึ่งคัน

ด้วยเชื้อที่ว่าดื้อยาราคาถูกเสียแล้ว …

 

พ่อโอบอุ้มหัวและคอยพยุงแผ่นหลังไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว

พี่เขยช้อนขาไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างไว้แน่น พี่สาวทำหน้าที่พายเรือ

แม่รอรับร่างลูกชายคนเล็กอยู่ในเรือ เตรียมที่นอนหมอนไว้รองรับร่าง

กว่าจะถึงโรงพยาบาล ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

เพราะบ้านเราอาศัยคันดินริมคลองเป็นที่อยู่อาศัย การไปไหนจึงต้องใช้ทั้งเรือและรถ

 

ริมคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ตรงข้ามวัดแคลายวงศ์มณี ตำบลศาลาแดง อำเภอวังน้ำเปรี้ยว

จังหวัดฉะเชิงเทรา คือพิกัดที่อยู่ของครอบครัวนี้ ที่ดินถูกสืบทอดโดยปราศจากหลักฐานมานานกว่า 70 ปี

ตั้งแต่รุ่นยายทวด เร็ววันอันใกล้นี้ ที่ตรงนี้พวกเขาอาจเป็นได้เพียงแค่คนไม่มีสิทธิ

ไม่มีสิทธิครอบครอง ไม่มีสิทธิอยู่อาศัย และไม่มีสิทธิใดๆ ในฐานะของคนอยู่มาก่อน

 

11 ปีที่แล้ว เด็กชายเคยวิ่งเล่นซุกชน พายเรือเช้าเย็น ลูกชายคนเล็กของบ้าน

ท่ามกลางพี่ๆทั้งหญิงชาย เขาได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยม

 

11 ปีให้หลัง เขานอนอยู่บนเตียง เดินไม่ได้ ลุกนั่งลำบาก และหลังถูกดามไว้ด้วยแท่งเหล็ก

ปัจจุบันเขาอายุ 24 ปีแล้ว ผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นบนเตียงผู้ป่วย โดยมีแม่เป็นผู้คอยพยาบาล

ครึ่งล่างไม่มีความรู้สึก ขาทั้งสองข้างค่อยๆเล็กและลีบลงไปเรื่อยๆ

 

ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามาอีกแล้ว.. เหล็กที่ดามอยู่ที่หลังและขาสั่นสะท้าน

มันเต้นระริก เหมือนมีชีวิตเมื่อพบเจอลมหนาว เด็กหนุ่มพ่ายแพ้ต่อเหล็กเย็นเฉียบในร่างกาย

ความทรมานหนึ่งเดียวบนเตียงผู้ป่วยที่เขาไม่อาจต่อสู้กับมัน..

 

“ตอนเป็นใหม่ๆก็คิดมาก แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

“สู้ อยู่อย่างนี้ไปทำใจให้ดี เพื่อแม่จะได้ไม่รู้สึกแย่” เด็กหนุ่มเล่าถึงความรู้สึก

 

“ถ้าเขาเศร้า ฉันก็จะลำบาก ดีหน่อยที่เขายิ้มได้ คนดูแลก็มีกำลังใจ” แม่กล่าวพร้อมกับมองไปที่ลูกชาย

 

การพบเจอกันครั้งแรก .. แปลกก็ตรงที่ได้เจอกับรอยยิ้มของเขา

เขานอนติดเตียง เคลื่อนย้ายตัวเองไปไหนมาไหนไม่ได้ มานานกว่า 11 ปี

ส่วนคนที่ขับรถกระบะคันนั้น ในบ่ายวันหนึ่งด้วยอาการหลับใน

ทุกวันนี้ยังสุขสบายดีหรือไม่ เด็กหนุ่มลืมมันไปเกือบหมดแล้ว

ไม่ใช่ว่าเขาให้อภัย.. แต่มันย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้..เขาจึงได้แต่ทำใจ

 

ค้นหาความสุขเพื่ออยู่กับปัจจุบันและเปลี่ยนความรัดทดท้อใจให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา

มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น แล้วปล่อยชีวิตตัวเองตามโชคชะตา..ที่เลือกไม่ได้ต่อไป

 

หน้าที่ของโครงการอาสามาเยี่ยม ไม่ใช่เพียงนำข้าวของเครื่องใช้ไปให้

การเยี่ยมเยียนกันตามประสาเพื่อนมนุษย์ ช่วยชุบชูใจให้มีแรงสู้ต่อ

ในฐานะของคนแปลกหน้าที่มีใจคิดถึงกัน..

 

Share Button